เปิดแผน'จี4เอส' ปั้นงานรากหญ้าให้เลอค่า

เปิดแผน'จี4เอส'

ปั้นงานรากหญ้าให้เลอค่า

ธุรกิจของเราทำเกี่ยวกับคน ความท้าทายที่เห็นก็คือ ภาพลักษณ์ของธุรกิจยังไม่ดึงดูดให้คนสนใจอยากทำงาน

ว่ากันว่ามนุษย์เราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง มักไม่กล้าจะออกจาก comfort zone หรือความคุ้นชินแบบเดิมๆ

แต่สำหรับ "จรุง กาญจนภูมิ" ที่ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท จี4เอส ซีเคียว โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) แล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม

เพราะประวัติการทำงานของเขาผ่านธุรกิจมาแล้วหลากหลาย อีกทั้งธุรกิจที่กระโดดข้ามไปทำในแต่ละครั้งก็ไม่ได้อยู่ในไลน์เดิม และอาจเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่แตกต่างราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว โดยคร่าวๆ เขาผ่านการทำงานในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค, ธุรกิจพลังงาน ,ธุรกิจบริการรถยนต์, ธุรกิจสี ,ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า กระทั่งล่าสุดมาเป็น จี4เอส ซึ่งให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัย

ถือว่าเป็นโปรไฟล์ที่ค่อนข้างโลดโผน และโชกโชนพอสมควรเลยทีเดียว

"นิสัยส่วนตัวผมเป็นคนชอบเรียนรู้ ซึ่งการเปลี่ยนงานแต่ละครั้งและเป็นการข้ามวงการธุรกิจไปเลย ทำให้ผมได้ทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้ได้ออกจากงานที่เคยทำ และที่มา จี4เอส เพราะมีคนมาถามว่าอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นไหม ซึ่งจริงๆ แล้วต้องบอกว่าธุรกิจนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อน"

ทำให้เขายอมรับว่าท้าทาย เนื่องจากธุรกิจนี้ถือเป็นเรื่องใหม่และเป็นอะไรที่ไม่เคยมีความคาดหวัง

"ผมเป็นคนเปิดเผย ค่อนข้างถ่อมตัว เป็นกันเอง มีความจริงใจไม่เสแสร้ง ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับคนเป็นเรื่องสำคัญ" จรุงบอกถึงจุดแข็งที่มีซึ่งน่าจะช่วยให้เขาไปถึงเส้นชัยได้ไม่ยาก

และจะว่าไปแล้วธุรกิจบริการด้านการรักษาความปลอดภัยให้ลูกค้า ที่ว่าด้วยเรื่องของการบริหารความเสี่ยงดูแล้วก็น่าจะเหมาะเจาะและลงตัวกับผู้บริหารที่มีดีเอ็นเอนิยมความเสี่ยงท่านนี้ไม่น้อยเช่นกัน

ถามว่าอะไรคือโจทย์ของบริษัทแม่ (ประเทศอังกฤษ) ที่มอบหมายให้เขามาขับเคลื่อน จี4เอส ในประเทศไทย

เช่นเดียวกับหลายต่อหลายบริษัทในโลกต่างมุ่งมองคำๆ นี้ นั่นคือ "ความยั่งยืน"

จรุงบอกว่า ความยากอยู่ตรงที่ประเทศไทยไม่โชติช่วงชัชวาลเหมือนเช่นวันวาน ภาวะเศรษฐกิจในทุกวันนี้ยังคงทรงตัว แม้จะไม่ดีนักแต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายแบบสุดๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในปีแรกที่เข้ามาแม่ทัพใหญ่จึงได้โฟกัสไปที่การปรับฐานธุรกิจเพื่อให้มั่นใจว่ามีความแข็งแกร่ง พร้อมรับมือได้ในทุกสภาวการณ์ รวมถึงการวิเคราะห์หาความท้าทายของธุรกิจจากนั้นจึงค่อยคิดหาวิธีปิดประเด็นปัญหานั้น

"ธุรกิจของเราทำเกี่ยวกับคน ความท้าทายที่ผมเห็นก็คือ ภาพลักษณ์ของธุรกิจยังไม่ดึงดูดให้คนสนใจอยากทำงาน "

เพราะไม่ว่าใครก็อยากทำงานสบาย นั่งโต๊ะอยู่ในออฟฟิศที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ คงไม่มีใครอยากทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือรปภ. ซึ่งมักต้องยืนอยู่กลางแจ้งและร้อนเสียจนเหงื่อไหลไคลย้อย

โจทย์ที่สำคัญที่สุดของจรุงก็คือ การยกระดับ "รปภ." ให้พ้นจากงาน "รากหญ้า" โดยต้องสามารถสร้างความ "ภาคภูมิใจ" ให้กับคนที่ทำ

"ถามว่ายากไหม ต้องบอกว่ายาก และถ้าหากทำไม่ได้บริษัทก็จะหาบุคลากรมาทำงานด้วยยาก เพราะข้อกำหนดของธุรกิจเราก็คือ รปภ.จะต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น"

ในความเป็นจริงก็คือ การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนไม่อาจทำได้เร็วแบบพลิกฝ่ามือ แต่ต้องค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ ทำ อีกทั้งต้องอาศัยการปรับทัศนคติคู่ขนานกันไประหว่างพนักงานภายในองค์กรและลูกค้า

ภารกิจของจรุงต้องทำให้พนักงานและลูกค้าต่างก็เล็งเห็นถึง "คุณค่า" ของธุรกิจรักษาความปลอดภัย ในที่นี้หมายถึงคำว่า "มืออาชีพ"

เริ่มจากส่วนของพนักงาน ที่ต้องมุ่งเน้นในเรื่องการฝึกอบรม เพิ่มทักษะ ทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นและมองเห็นโอกาสเติบโตในอาชีพ ซึ่งจี4เอส มีศูนย์เทรนนิ่งที่อบรมพนักงานรภป.เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยเริ่มตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงกรณีพิเศษ

" พนักงานรปภ.ของเรามีจำนวนเป็นหมื่นคน ก็ยากที่จะทำให้มาตรฐานมันคงที่มีเหมือนกัน ที่ต้องทำคือ ต้องอาศัยการเทรนนิ่งอยู่อย่างสม่ำเสมอ"

อีกแนวทางหนึ่งนั้น จี4เอส ได้เริ่มต้นทำการตลาด พีอาร์ แบรนดิ้ง อย่างจริงจังด้วยหวังสร้างภาพลักษณ์ดีๆ ให้เกิดขึ้นกับองค์กร

" แบรนด์อิมเมจมีความสำคัญ เราต้องการทำให้ผู้บริโภคมองเห็นถึงความน่าไว้วางใจ ซึ่งสิ่งที่จี4เอส มีการสื่อออกไปก็คือ ความปลอดภัยที่ครบวงจร การทำงานอย่างมืออาชีพ"

แล้วมีการวัดผลอย่างไร จรุงบอกว่า อัตราลาออก จะเป็นเคพีไอทางฝั่งของพนักงาน ในส่วนของลูกค้านั้นจะเป็นการพิจารณาถึง การรักษาลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ก็ต้องมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งระหว่างทางนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงจนเกินไป

จรุงบอกว่า จำเป็นต้องทำการสำรวจพึงพอใจของคนทั้งสองฝั่ง หรือ Customer Satisfaction Survey และ Employee Satisfaction Survey เพื่อเตือนภัยให้รู้ตัวเสียแต่เนิ่นๆ

"ธุรกิจรปภ. หากมองภาพรวมอาจดูเหมือนว่าทำง่าย คือแค่ให้คนใส่เครื่องแบบแล้วไปยืนตามจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น แต่ตรงกันข้ามมันต้องอาศัยทักษะเฉพาะ การสร้างระบบความปลอดภัยที่ดีเป็นเรื่องยาก ต้องมีการประเมินความเสี่ยง ว่ามีระดับน้อยหรือและมาก มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นแค่ไหน อย่างไร ยกตัวอย่าง อาคารสำนักงานแต่ละตึกก็มีความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าเเป็นเรื่องของไฟไหม้ หรือโจรขโมยของ และเราก็ต้องให้ความรู้กับลูกค้าถึงระดับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย"

อย่างไรก็ดี แม้ว่า G4S จะโดดเด่นในเรื่องของธุรกิจรักษาความปลอดภัย แต่ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้ดำเนินธุรกิจทั้งหมด 4 กลุ่มหลักๆ อยู่ในประเทศไทยได้แก่ 1. บริการด้านการรักษาความปลอดภัย 2.บริการด้านการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก (พนักงานทำความสะอาดและแม่บ้าน) 3.พนักงานขับรถ และ 4. บริการอุปกรณ์ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์รักษาความปลอดภัย (กล้องวงจรปิด)

" รายได้ของธุรกิจครึ่งหนึ่งมาจากธุรกิจกลุ่มรักษาความปลอดภัยคือธุรกิจแรกกับธุรกิจที่ 4เป็น อีกครึ่งหนึ่งมาจากธุรกิจอำนวยความสะดวกกับพนักงานขับรถอย่างละครึ่ง แต่ถามว่าธุรกิจใดจะเป็นธุรกิจในอนาคต ผมมองว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านความปลอดภัย"

เป็นแนวโน้มที่คล้ายกับหลายๆ อุตสาหกรรม ที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และจำเป็นต้องนำเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาทดแทนคนมากยิ่งขึ้น