"เขียว"บรรจุ"สวย"Green Packaging ในธุรกิจความงาม

"เขียว"บรรจุ"สวย"Green Packaging ในธุรกิจความงาม

จะดีแค่ไหนถ้าวันนี้ธุรกิจความงามจะหันมาใช้บรรจุภัณฑ์สีเขียว เพื่อส่งมอบความสวยที่เป็นมิตรกับโลกและสิ่งแวดล้อม

การขยับตัวของแบรนด์เครื่องสำอางและความงามระดับโลก เข้าสู่วิถี “บรรจุภัณฑ์สีเขียว” (Green Packaging) หรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้น จนสุดปลายทางการใช้งาน คือ หนึ่งสัญญาณบวกที่ภาคธุรกิจมีต่อโลก

ท่ามกลางการแข่งขันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพความงาม “ขั้นกว่า” สนองใจผู้บริโภคยุคนี้ เรื่อง "บรรจุภัณฑ์” ก็เป็นสิ่งสะท้อน “ภาพลักษณ์” ที่จะส่งให้สินค้าความงาม ดูหรูหรา น่าเชื่อถือ น่าครอบครองเป็นเจ้าของ

ทว่าในมุมมองของ Green Packaging โจทย์ในการออกแบบ ไม่ใช่แค่สนองความสวย และหรูหรา เท่านั้น แต่คือ ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในราคาที่รับได้ และสามารถผลิตได้

“การที่มีวัสดุที่ดีขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนก็ต้องไม่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะถ้าต้นทุนเพิ่มจะเป็นการผลักภาระไปให้ผู้บริโภค ดังนั้นราคาต้องอยู่ในจุดที่ยอมรับได้ ซึ่งเรื่องของสิ่งแวดล้อม ราคา และการผลิต สามส่วนนี้ต้องไปด้วยกัน จึงก่อเกิดเป็นบรรจุภัณฑ์สีเขียว”

“ดร.ชนะ เยี่ยงกมลสิงห์” กรรมการวิชาการฝ่ายเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย บอกไว้ในงานสัมมนา “สร้างแบรนด์ดิ้ง ขยายโอกาสธุรกิจ ต่อยอดแนวคิด CSR ด้วยเทรนด์บรรจุภัณฑ์สีเขียว (Green Packaging)” ณ งาน COSMEX 2014 ที่จัดโดย รี้ด เทรดเด็กซ์ เมื่อเดือนก่อน

ขณะที่หลายคนแอบขยาดกับคำว่า “กรีน” เพราะมองว่า เป็นเรื่องที่ “ต้องลงทุน” แต่เขากลับย้ำชัดว่า บางครั้งความกรีนก็ไม่ต้องลงทุน ตรงกันข้ามกลับจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลกำไรให้แบรนด์ได้ด้วย

“จริงๆ แล้ว เราอาจเริ่มความกรีนได้โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย กรีนที่ถูกที่สุดก็คือ การลดวัสดุ อย่าง กล่องกระดาษที่บรรจุเครื่องสำอาง แทนที่จะทำให้มันหลวม ก็แค่ทำให้พอดี เขย่าแล้วไม่ขยับ โดยทำให้มีขนาดเล็กลง ใช้วัสดุน้อยลง เท่านี้ก็ถือว่า เป็นการช่วยโลกแล้ว” เขาบอกจุดเริ่มต้นของวิถีกรีน ที่อาจไม่ต้องใช้เม็ดเงินก้อนโตด้วยซ้ำ

ระหว่างความชั่งใจของหลายแบรนด์ ว่าจะโกกรีนหรือไม่โกกรีน แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในตลาดโลก ก็คือการขยับตัวของหลายแบรนด์ดัง ที่เลือกอยู่ข้างสิ่งแวดล้อมและโลก

“สมชนะ กังวารจิตต์” Executive Creative Director บริษัท Prompt Design จำกัด นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ เจ้าของรางวัลระดับโลก 3 ปีซ้อน และกรรมการในเวทีการออกแบบระดับโลก บอกเราว่า เทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรงมากในตลาดโลก หลายแบรนด์ดังยอม “ทุ่มทุนสร้าง” ขนาดเปลี่ยนไลน์การผลิตใหม่หมด เพื่อออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง น้ำแร่เอเวียง (Evian) ที่เตรียมยกเครื่องแพคเก็ตจิ้งเดิม มาเป็นขวดรูปทรงหยดน้ำ ไม่มีฉลากแต่ใช้การปั้มนูน ใช้ง่าย สามารถเปิดดื่มได้ด้วยมือเดียว เสร็จแล้วขยำทิ้งได้ทันที ทำให้ลดพื้นที่ “ขยะ” ลงได้ด้วย

แบรนด์ คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ ออกแบบกล่องบรรจุสินค้าที่หลังใช้แล้วสามารถกลายร่างเป็นสื่อการสอนให้เด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้

หรือแบรนด์ การ์นิเย่ (Garnier) ที่เลือกจับมือกับบริษัทผลิตสินค้าจากขยะรีไซเคิล โดยการรับซื้อบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว มาให้บริษัทรีไซเคิลผลิตเป็นสินค้าจากการ์นิเย่ออกมาจำหน่าย เพื่อเปลี่ยน “ขยะ” มาเป็นผลิตภัณฑ์น่าใช้ ไม่ไร้ประโยชน์

“จะเห็นเลยว่า แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลกกำลังเคลื่อนไหว เพราะทรัพยากรในโลกมีจำกัด และทุกคนรู้ดีว่าคงไม่สามารถที่จะผลิตทรัพยากรธรรมชาติได้เร็วนัก ฉะนั้นจึงหันมาตระหนักในเรื่องนี้ ในมุมมองของนักออกแบบมองว่า กรีนเป็นเทรนด์ที่มาแน่ๆ และผมก็เห็นกับตามาแล้ว”

ในมุมมองของธุรกิจ กรีนไม่ใช่แค่ช่วยโลก ทว่ายังช่วยสะท้อนแบรนด์ให้แจ่มชัดขึ้นด้วย ดูตัวอย่าง เดอะบอดี้ ช็อป ที่มีจุดยืนชัดเจนเรื่องกรีนคอนเซ็ปต์และทำเรื่องนี้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่การประกาศจะไม่ทำการทดลองในสัตว์ มีระบบการค้าที่เป็นธรรมกับชุมชน มีการคำนวณการใช้ไม้เพื่อมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ แล้วทำการปลูกป่าทดแทนคืนให้ เหล่านี้เป็นต้น

“นฤมล ชุนหกรณ์” กรรมการผู้จัดการ เดอะบอดี้ ช็อป (ประเทศไทย) ฉายภาพผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ไม่ได้เลือกซื้อสินค้าเพราะคุณภาพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่ายังตระหนักถึงเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

ฉะนั้นหน้าที่ของแบรนด์ ก็คือต้องตอบสนองผู้บริโภคให้ได้ ทั้งมิติ คุณภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม

“สำคัญที่สุด ถ้าเราเน้นในเรื่องกรีน แต่ไม่ได้มีมิสชั่น ไม่มีอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน หรือไม่ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคก็จะไม่มีทางรับรู้ถึงศักยภาพของแบรนด์ในเรื่องนี้ และแบรนด์นั้นก็จะอยู่ในตลาดได้ไม่นาน” เธอบอก

ผู้บริโภคเริ่มร้องขอกรีน ขณะที่ภาคธุรกิจก็เริ่มเห็นความสำคัญของกรีนมากขึ้น แต่ประเด็นที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ แบบไหนที่เรียก “กรีน” และกรีนแบบไหนที่ดีต่อโลกที่สุด ในมุมมองของภาคการศึกษา “ผศ.ดร.ธัญญารัตน์ จิญกาญจน์” หัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สะท้อนความคิดที่น่าสนใจว่า ขอให้ตัดสินใจความเป็นกรีน ด้วยการมองวัฏจักร ตั้งแต่ต้นน้ำ จนสุดปลายน้ำ

“บางคนมองว่า บรรจุภัณฑ์สีเขียว ต้องเป็นอะไรที่มาจากกระดาษ หรือสิ่งแวดล้อมแบบนี้เท่านั้น เพราะปลูกใหม่ทดแทนได้ แต่ในมุมการศึกษา กระทั่งพลาสติก PE ก็คือ กรีน ถ้าเรามองในเชิงฟังก์ชั่น นั่นคือ ความสามารถในการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ดี ขณะที่พลาสติกย่อยสลายได้ (ไบโอพอลิเมอร์) บางครั้งเรากลับต้องใช้พลังงานมากกว่า หรือปลดปล่อยก๊าซมากกว่า ส่งผลกระทบในด้านอื่นมาก ฉะนั้นอยากให้ประเมินทั้งวัฏจักรชีวิต ว่าอะไรที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ”

เธอบอกอีกว่า ประเด็นเรื่องของต้นทุน เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องพิจารณาเพราะไม่เช่นนั้น ความเขียวจะทำให้เรา “อยู่ไม่ได้” ขณะที่กรีนโดยลำพังอาจจะไม่เพียงพอ แต่ต้องหาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย เพื่อสร้างจุดสมดุลให้สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่กรีน แต่ต้องมีฟังก์ชั่นที่ดีด้วย เพราะกรีนที่ไม่ทันฟังก์ชั่น ก็ “เฟล” ได้

แล้วควรจะเริ่มแบบไหน พวกเขาแนะว่า หลัก 3R ยังใช้ได้ผล คือ Reduce ลดการใช้ Reuse ใช้ซ้ำ และ Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตได้ และต้นทุนที่ไม่แพง ตลอดจนสื่อสารไปยังผู้บริโภค โดยแบรนด์เล็กก็สามารถทำได้ เพียงแต่ขอให้ทำซ้ำๆ ค่อยๆ ทำ และอย่าถอดใจ ขณะที่พลังร่วมของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะภาครัฐ ภาคการศึกษา อุตสาหกรรม และผู้บริโภค ก็สามารถกำหนดกลยุทธ์ร่วมกันได้

เพื่อเปลี่ยนโลกใบเก่า สู่สังคมสีเขียวอย่างยั่งยืน ด้วยพลังของ..บรรจุภัณฑ์สีเขียว