แอร์เอเชียบูมช่องทางออนไลน์ใหม่

แอร์เอเชียบูมช่องทางออนไลน์ใหม่

"แอร์เอเชียโก"คาดปีนี้รายได้เกินเป้า เหตุพฤติกรรมผู้บริโภคหันใช้ออนไลน์จองห้องพักนาทีสุดท้าย หวังดีลลดราคาพิ

นางกรกฎ เอกฐานุตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แอร์เอเชีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มความนิยมของคนไทยนิยมใช้สมาร์ทดีไวซ์ ในการจองบริการด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะห้องพักและตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้นมากขึ้น ประกอบกับการพฤติกรรมการเลือกบริการผ่านออนไลน์ในรูปแบบตัดสินใจวินาทีสุดท้าย (Last Minute) ที่ขยายตัวขึ้นตลอดปีที่ผ่านมา เนื่องจากจะทำให้ได้ราคาดีกว่า สอดคล้องกับการวางแผนของธุรกิจโรงแรมต่างๆ ที่หันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการขายห้องพักที่ยังเหลือ จึงมาร่วมมือกับออนไลน์ ทราเวล เอเยนต์ (โอทีเอ) ในการให้ราคาพิเศษในช่วงเวลาจำกัด ส่งผลให้เริ่มเห็นอัตราการจองที่พักผ่านออนไลน์จากคนไทยและเอเชียที่เติบโตมากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าตลาดคนไทยมีสัดส่วนการใช้งานผ่านโมบายล์ราว 20% จากยอดการซื้อขายทั้งหมดรวมราว 5 หมื่นครั้งในปีนี้ แบ่งเป็นการซื้อห้องพักโรงแรมราว 40% และแพ็คเกจห้องพักควบคู่กับตั๋วเครื่องบินราว 60%

จากแนวโน้มดังกล่าว ยังทำให้ปลายปีนี้บริษัทตัดสินใจเข้ามาเปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนโดยเลือกไทยเป็นที่แรก เพื่อเตรียมเพิ่มช่องทางใหม่ในการเข้าถึง โดยนอกจากจะมีวิศวกรชั้นนำจากบริษัทเอ็กซพีเดีย ซึ่งหนึ่งในบริษัทแม่ผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านโอทีเอระดับโลกมาช่วยออกแบบและพัฒนาแอพพลิเคชั่นแล้ว ยังวางกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าด้วยการใช้ราคาพิเศษที่ลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่องทางหน้าเว็บไซด์ และคาดว่าภายในปี 2558 จะมียอดดาวน์โหลดจากประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 2 แสนครั้ง โดยหลังจากเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการให้ดาวน์โหลดผ่านระบบแอนดรอยด์ และไอโอเอส 2 เดือนที่ผ่านมา มีการดาวน์โหลดไปแล้ว 5 หมื่นครั้ง

ด้านนนายดาเรน โกห์ ประธานผู้จัดการ แอร์เอเชียโก (กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) กล่าวว่า ตั้งเป้าว่าภายในปี 2558 จะมีการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นทั้งหมดทั้งจากไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ รวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้ง โดยสัดส่วนของลูกค้าที่จองผ่านแอพพลิเคชั่นคาดว่าจะมีสัดส่วน 10% มากกว่าโมบายเว็บที่มีราว 5% และในส่วนของตลาดไทยเชื่อว่าจะมีโอกาสเพิ่มลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่นได้สูงขึ้น เพียงแต่มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมคือการพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคม ที่จะเอื้อให้เกิดอัตราการเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ เนื่องจากไทยยังอยู่ในอันดับ 6 ของเอเชีย หรือคิดเป็น 31% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ แต่หากมีการพัฒนาต่อเนื่องเชื่อว่าในอนาคตอาจปรับระดับและเพิ่มสัดส่วนการใช้งานผ่านโมบายได้สูงถึง 50% เท่าจีนซึ่งประชากรทั่วไปมีอัตรการเข้าถึงเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ได้สูง

สำหรับรายได้จากการเข้าไปทำตลาดหลักในไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ คาดว่าจะเติบโตได้ 35% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ราว 25% และคาดว่าในปี 2558 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% โดยอาศัยความนิยมจากการใช้ช่องทางออนไลน์ผ่านมือถือ รวมถึงพฤติกรรมการรอจองห้องพักช่วงใกล้เวลาเดินทางเพื่อให้ได้ราคาต่ำที่สุดดังกล่าว