ได้ฤกษ์ปลุก "มังกรตื่น" "โยธิน บุญดีเจริญ"

ได้ฤกษ์ปลุก "มังกรตื่น" "โยธิน บุญดีเจริญ"

“ตระกูลบุญดีเจริญ” หายไปกว่า 10 ปี กลับมาครานี้ผุด “อภิมหาโปรเจคต์” ย่านพระราม 9 มูลค่าแสนล้านบาท

“อีก 10 ปีข้างหน้าหัวมังกรจะย้ายมาทางนี้”

“ซินแสคนสนิท” บอกกับ “โยธิน บุญดีเจริญ” นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นเก๋า ในฐานะประธานกรรมการ บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ หรือ GLAND (ชื่อเดิม บมจ.มีเดีย ออฟมีเดีย์) และ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” เจ้าของเครือซี.พี.เมื่อ 10 ปีก่อน ครานั้นทั้งคู่จูงมือกันไปดูที่ดินบริเวณสี่แยกพระราม 9 จุดตัดถนนรัชดาภิเษก

สิ้นเสียงซินแสไม่นานเท่าไหร่ “โยธิน” สั่งสถาปนิกผู้ดูแลย่านพระราม 9 ซึ่งปัจจุบัน คือ โครงการเดอะ แกรนด์ พระราม 9 พื้นที่ 73 ไร่ บริเวณสี่แยกพระราม 9 มูลค่าโครงการรวมกว่า 100,000 ล้านบาททันทีว่า “หัวมังกรจะอยู่ฝั่งซ้ายแล้วหางจะค่อยๆเลื้อยไปทางเซ็นทรัลพระราม 9”

และนั่นคือ ที่มาของชื่อ GLAND ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากคำว่า “หัวมังกร”

“โยธิน บุญดีเจริญ” คือ ทายาทของ “เจริญ บุญดีเจริญ” ซึ่งเป็นพี่ชายของ “ศิริวรรณ กาญจนพาสน์” ภรรยาของ “มงคล กาญจนพาสน์” เท่ากับว่า “โยธิน” มีศักดิ์เป็นหลานภรรยา “มงคล” ช่วงที่ “โยธิน” เรียนจบด้านบริหารใหม่ๆ เขามีโอกาสเข้ามาพัฒนาโครงการเมืองทองนิเวศน์ 1 ที่เป็นที่ดินของกลุ่มเมืองทอง ซึ่งเป็นของ 5 ตระกูลใหญ่ นั่นคือ กาญจนพาสน์,มหาดำรงค์กุล,สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,โกสิยกุล และกลุ่มวงศ์สงวน

จากนั้นในปี 2523 “โยธิน” ก็ขอแยกตัวออกมาเปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้ากับน้องชาย ภายใต้ชื่อ บริษัท ยูนิเวสท์ จำกัด โครงการที่สร้างชื่อ คือ เมืองเอกย่านรังสิต และอาคารยูนิเวสท์ทาวเวอร์ สีลม ปัจจุบันขายต่อให้กลุ่มซีพี และเปลี่ยนชื่อเป็น อาคารซีพี ทาวเวอร์

ย้อนกลับไปก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 “ตระกูลบุญดีเจริญ” คือ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มือฉมัง แต่หลังจากบริษัทโดนวิกฤตเล่นงานจนต้องเข็น “ยูนิเวสท์” เข้าสู่กระบวนการปรับโครงการหนี้ “ตระกูลบุญดีเจริญ” จึงเลือกที่จะเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

แต่เมื่อปี 2552 “โยธิน” ตัดสินใจหวนสู่เส้นทางเดิม หวังกลับมาทวงบังลังก์ “เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์” คืนสู่อ้อมอก ด้วยการส่ง บริษัท เจริญกฤษ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวบุญดีเจริญ เข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน GLAND ตามคำเชื้อเชิญของ “กลุ่มรัตนรักษ” ที่ถือหุ้น GLAND ผ่านบมจ.กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ อยู่แล้วแต่เดิม

จากนั้น “โยธิน” ก็เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยการหันมารุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แทนธุรกิจด้านสื่อโทรทัศน์ ซึ่งบริษัทได้ตัดสินใจขายหุ้นบริษัท มีเดีย สตูดิโด จำกัด ทั้งหมดให้กับบริษัท สตรองโฮลด์ แอสเซ็ทส์ จำกัด ปัจจุบัน “เจริญกฤษ เอ็นเตอร์ไพร้ส์” และ “กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ” ถือหุ้น GLAND ในสัดส่วน 33.94 และ 18.36 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

เมื่อ 5 ปีก่อน “โยธิน” เคยประกาศเตรียมทุ่มงบลงทุน 100,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโครงการเดอะ แกรนด์ พระราม 9 พื้นที่ 73 ไร่ บริเวณสี่แยกพระราม 9 ปัจจุบันภายในโครงการ ประกอบด้วย โครงการที่พักอาศัยคอนโดมิเนียม เบ็ล แกรนด์ พระราม 9 จำนวน 8 อาคาร 2,000 ยูนิต มูลค่า 14,000 ล้านบาท ปัจจุบันปิดการขายไปแล้ว 7 อาคาร ส่วนอีก 1 อาคาร 250 ยูนิต พร้อมเปิดขายปลายปี 2557 ราคายูนิต 5-30 ล้านบาท

นอกจากนั้นยังมีอาคารสำนักงาน ประกอบด้วย จีแลนด์ ทาวเวอร์ ล่าสุดอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558 และเดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ส ตึก A และตึก B ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว 6 เดือน ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันยังมีโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 285 ห้อง มูลค่า 2,000 ล้านบาท และศูนย์ประชุม, ห้องจัดเลี้ยง และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา แกรนด์ พระราม 9 และเดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม 9

ล่าสุด GLAND เปิดตัว “อภิมหาโปรเจคต์” ภายใต้ชื่อโครงการ The Super Tower สูง 125 มูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวมีความสูงถึง 615 เมตร ถือเป็นตึกที่สูงที่สุดในอาเซียน และสูงสุดติดอับดับ 1 ใน 10 ซึ่งโครงการ The Super Tower ถือเป็น 1 ในโครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 โดยภายในโครงการจะประกอบด้วย อาคารสำนักงาน, โรงแรมระดับ 6 ดาว, ห้องประชุม, ภัตตาคาร และชั้นบนสุดจะเป็นจุดชมวิว

“ผมไม่ทำธุรกิจตามตลาด”

“โยธิน บุญดีเจริญ” บอกถึงความคิดของตัวเอง หลังกลับมาทำธุรกิจที่เขารัก ก่อนจะพูดให้นักลงทุนรายย่อยคลายความกัวงลว่า แม้วันนี้บริษัทจะทุ่มเงินลงทุนในโครงการนี้ค่อนข้างมาก แต่เราไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ฉะนั้นบริษัทจะไม่ไปรบกวนเงินผู้ถือหุ้นรายย่อยแน่นอน

ปัจจุบันเรามีผู้ถือหุ้นใหญ่หลายรายที่พร้อมสนับสนุนเรื่องเงินทุนในการสร้างโครงการ อย่างโครงการ The Super Tower แหล่งเงินลงทุนของบริษัทมาจากการกู้แบงก์ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่บริษัทต้องลงทุนเองประมาณ 20,000 ล้านบาท จะนำมาจากกระแสเงินสด

“The Super Tower จะคืนทุนภายในเวลา 12 ปี ซึ่งโครงนี้จะเปิดให้บริการในปี 2563 เมื่อถึงวันนั้นบริษัทจะมีรายได้จากค่าเช่าประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่มีรายได้ค่าเช่าเพียง 10 เปอร์เซ็นต์”

ถามถึงยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจระยะยาว “ประธานกรรมการ” บอกว่า เราวางกลยุทธ์การทำงานถึงปี 2559 บริษัทคาดว่า เมื่อโครงการอาคารสำนักงาน จีแลนด์ ทาวเวอร์ แกรนด์ พระราม 9 แล้วเสร็จ บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้ 30-30-30 เปอร์เซ็นต์

โดยจะมีรายได้มาจากการขายคอนโดมิเนียม 30 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากการบริการโครงการ 30 เปอร์เซ็นต์ รายได้จากสำนักงานให้เช่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ 10 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ และค่าเช่า 10 เปอร์เซ็นต์

“จากนี้ไปเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ช่วงเติบโต ฉะนั้นโครงการ The Super Tower จึงเป็นการตอบรับนโยบายของรัฐที่ต้องการสร้างมิติใหม่ในการนำพาเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ เพื่อดึงดูนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ โครงการนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเมื่อโครงการแล้วเสร็จตึกนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประชาคมอาเซียนและการท่องเที่ยวระดับโลก”

เมื่อถามถึงผลประกอบการในปี 2557 “นายใหญ่” ตอบว่า ในส่วนของรายได้อาจเติบโต 10-20 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,400 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้ว 1,810 ล้านบาท ส่วนในแง่ของอัตรากำไรขั้นต้นหรือ Gross Margin อาจขึ้นมายืนระดับ 48 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนอยู่ระดับ 39 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากราคาขายคอนโดมิเนียมที่ปรับตัวสูงขึ้น

ในช่วงปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง รวมมูลค่า 18,000-19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม Local Road มูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตึกสูง 16 ชั้น จำนวน 17 ตึก โครงการบ้านแกรนด์ คาแนล เฟส 2 ดอนเมือง มูลค่า 2,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมแถวดอนเมือง มูลค่า 10,000 ล้านบาท สูง 16 ชั้น

“โยธิน” พูดทิ้งท้ายว่า โครงการอสังหาริมทรัพย์ ย่านพระราม 9 คงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ GLAND เพราะว่าบริษัทยังมีอีกหลายโครงการที่จะทำในอนาคต ลักษณะรูปแบบจะเป็นเหมือนโครงการพระราม 9 ซึ่งทางกลุ่มของเราไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพราะพันธมิตรอย่างช่อง 7 สี ยังมีที่ดินกลางเมืองที่รอการพัฒนาอีกมาก

“เรายังมีโครงการที่จะทำให้อนาคตอีกเพียบ แต่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ และเราก็ไม่มีปัญหาเรื่องแลนด์แบงก์ เพราะว่าพันธมิตรเรามีที่ดินในกรุงเทพฯอีกเยอะ เขาย้ำ บอกได้เพียงว่า GLAND จะเน้นพัฒนาโครงการในกรุงเทพเท่านั้น เราจะไม่ออกไปต่างจังหวัด”