เนรมิตแลนด์แบงก์ เป็นเงิน แก่นคิด "คีรี กาญจนพาสน์"

เนรมิตแลนด์แบงก์ เป็นเงิน แก่นคิด "คีรี กาญจนพาสน์"

เมื่อลูกชายเมินธุรกิจอสังหา คีรี กาญจนพาสน์ จึงต้องหาตัวช่วยอย่างแสนสิริ สหายใหม่จะพากำไรมาให้เขาเชื่อเช่นนั้

22 ปีก่อน นักธุรกิจเชื้อสายฮ่องกง “คีรี กาญจนพาสน์” หรือ “หว่อง ท่ง ซัน” หุ้นใหญ่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจ และเวลา ไปกับการปลุกปั้น “ธุรกิจระบบขนส่งมวลชน” เพราะหลังบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ “ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ” เข้าทำสัญญาสัมปทาน เพื่อดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลักกับกทม.เมื่อปี 2535 บริษัทก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ หลังได้รับผลกระทบจากการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540

ส่วน “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ซึ่งเป็นธุรกิจดั่งเดิมตั้งแต่ปี 2511 สมัย BTS ยังใช้ชื่อ “ธนายง” บริษัทตั้งใจจะลดน้ำหนักการทำธุรกิจ แม้โครงการธนาซิตี้ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.14 ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่แห่งแรกของบริษัทที่เกิดขึ้นในปี 2531 จะสร้างชื่อเสียงอย่างดีให้กับบริษัทก็ตาม

ทว่าเมื่อโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและกรุงเทพธนาคม ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง (สายเก่า) กำลังจะหมดสัมปทานในอีก 15 ปีข้างหน้า (อายุสัมปทานสิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค. 2572) ไม่รวมส่วนต่อขยายใหม่ สายสีลม ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า (อายุสัมปทาน 8 พ.ค.2555-2 พ.ค.2585) รวมระยะทางให้บริการ 36.25 กิโลเมตร

“มังกรคีรี” จึงจำเป็นต้องเร่งมือวางรากฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยออกอาการท้อแท้ ถึงขนาดเอ่ยปากกับ “นักลงทุนรายใหญ่” ที่เข้ามาถือหุ้นในหุ้น BTS ว่า

“จากนี้ที่ดินเปล่าของ BTS ที่มีอยู่จำนวนมากอาจต้องขายทำกำไรแทนการนำมาพัฒนาเป็นโครงการใหม่ๆ ลูกชายมันไม่ชอบ”

แต่ท้ายที่สุด “เจ้าสัว” เกิดเปลี่ยนใจ หลังเมื่อ 2 เดือนก่อน มีโอกาสร่วมโต๊ะสนทนากับ ผู้บริหาร บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมที่คลุกคลีในแวดวงมานานกว่า 30 ปี เมื่อพูดคุยกันถูกคอ แถมสเปคตรงใจ BTS จึงสวมบทบาทเป็น “เจ้าบ่าว” เดินหน้าไปสู่ขอ SIRI

“เราอาจจะเป็นเจ้าสาวแสนสวยในสายตา BTS” เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ “แสนสิริ” เชื่อเช่นนั้น

ก่อนที่ BTS จะตัดสินใจจูบปากกับ SIRI ตั้งบริษัทร่วมทุนที่ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ “คีรี” เรียกบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ว่า “BTS-SIRI” หรือ SIRI-BTS ด้วยการถือหุ้นฝ่ายละ 50:50 เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยโครงการคอนโดมิเนียมแห่งแรกมีพื้นที่ 5 ไร่ อยู่บริเวณหมอชิต จำนวน 900 ยูนิต มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 5,500 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการลงทุน 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 1 ปี 2558 คือโครงการนำร่อง

ไม่เท่านั้น BTS ยังได้ควักเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP ของ บมจ.แนเชอรัล พาร์ค หรือ NPARK จำนวน 213,000 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 37.06 เปอร์เซ็นต์ ราคาหุ้นละ 0.047 บาท รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิ (NPARK-W2) ที่จะออกโดยไม่คิดมูลค่าให้กับหุ้น PP ในอัตรา 2 ต่อ 1

โดย BTS จะขายหุ้น 2 บริษัท ให้ NPARK เพื่อแลกกับค่าตอบแทน ประกอบด้วย บริษัทบีทีเอส แอสเสทส์ จำกัด (BTSA) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ สูง 33 ชั้น จำนวนห้องพัก 390 หน่วย โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 81.20 เปอร์เซ็นต์ ห้องพักราคาเฉลี่ย 2,418 บาท และยังเป็นที่ดินบริเวณถนนพหลโยธิน ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต รวมถึงบริษัท ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของที่ดินบริเวณพญาไท ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท ซึ่งทั้ง 2 บริษัทย่อย ถือครองที่ดินรวมกันประมาณ 18 ไร่ มูลค่าตามราคาตลาด 8,000-10,000 ล้านบาท

ความตั้งใจของ BTS คือ ต้องการให้บริษัทร่วมทุน “BTS-SIRI” หรือ SIRI-BTS พัฒนาที่ดินแนวรถไฟฟ้าของ BTS ที่มีอยู่ประมาณ 30 ไร่ หรืออาจพัฒนาที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในแนวรถไฟฟ้าตามแต่เห็นสมควร ส่วน NPARK เจ้าของสโลแกน “พัฒนาและบริหารเพื่อผลกำไรอย่างยั่งยืน” BTS ตั้งใจจะวางบทบาทให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบให้เช่า

ปัจจุบัน NPARK คือ ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลากหลายรูปแบบ ปัจจุบันมีรายได้มาจาก 2 ธุรกิจ นั่นคือ 1.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า บริการ และโรงแรม เช่น โครงการเดอะ แนเชอรัล พาร์ค อพาร์ทเมนท์ สูง 15 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 81 ห้อง ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่าเกรดเอ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 84 เปอร์เซ็นต์ โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ขอนแก่น จำนวน 196 ห้อง ซึ่งเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนธ.ค.2556 และร้านอาหารฝรั่งเศส เลอโนท (LENÔTRE) เป็นต้น

2.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เช่น โครงการ พาร์ค รามอินทรา สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 206 ห้อง โครงการที่ดินบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ 283-0-43.9 ไร่ โครงการโรงแรม อามันรีสอร์ท กรุงเทพ และโครงการพาร์ค อรัญ เป็นต้น

“คีรี กาญจพาสน์” เล่าถึงการจัดทัพอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่ม BTS ให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า บริษัทตัดสินใจปรับโครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ไม่ได้หมายความว่า เรามีความกังวลเรื่องภาษีที่ดินของรัฐบาล หลังบริษัทครอบครองที่ดินอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีมากกว่า 1,000 ไร่

แต่เพราะมันถึงเวลาแล้วต่างหาก !!

เพราะตลอดเวลากว่า 20 ปี เราหมดเวลาไปกับการสร้างโครงการรถไฟฟ้า BTS มากกว่าธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่ม ทำให้วันนี้ชายชื่อ “คีรี” ทำรถไฟฟ้าได้ “ดีและเก่ง” กว่าคนอื่น หากวันนี้ใครลงมาทำรถไฟฟ้ามีหวัง “ตายแน่” (ยิ้ม)

“จริงๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เคยรุ่งโรจน์สุดๆ สมัยเตี่ย (มงคล กาญจนพาสน์) ตอนนั้นผมยังมีอายุแค่ 10 กว่าขวบ เมื่อก่อนเตี่ยจับที่ดินอยู่แห่งเดียวแล้วเป็นทอง นั่นคือ ที่ดิน เมืองทองธานี เมื่อเตี่ยเสียไปเมืองทองก็ไม่เหมือนเดิม” “คีรี” เล่าความในใจให้ฟัง

ฉะนั้นในเมื่อวันนี้ BTS ทำเรื่องอสังหาริมทรัพย์ไม่เก่งเท่า SIRI ก็ต้องยกหน้าที่นี้ให้เขาช่วยจัดการ

"เราใช้เวลาจีบ SIRI แค่ 2 สัปดาห์ ส่วนตัวรู้สึกยินดีและดีใจมากที่ได้ SIRI มาร่วมทำงาน ที่ผ่านมาใครหลายคนมักชอบถาม BTS ตลอดว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ BTS ในอนาคตจะมีหน้าตาอย่างไร วันนี้ถึงเวลาที่พอจะฉายภาพคร่าวๆ ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า บริษัทกำลังจะเดินไปทางไหน"

คีรี อธิบายต่อไปว่า ปัจจุบัน BTS มี 4 ธุรกิจหลัก ซึ่งในส่วนของรถไฟฟ้า เราได้มอบหน้าที่ให้บริษัทย่อย “ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ” ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 15 ปี ส่วนธุรกิจสื่อโฆษณาเราให้บริษัทในเครือ บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย หรือ VGI เป็นคนทำงาน วันนี้ VGI ถือเป็นลูกคนหนึ่งที่ทำงานใช้ได้ (หัวเราะ)

ส่วนธุรกิจบริการ เช่น การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีระบบตั๋วรวม ภายใต้ชื่อ Rabbit และการให้บริการลูกค้าสัมพันธ์ ภายใต้ชื่อ แครอท รีวอร์ดส รวมถึงการให้บริการร้านอาหารจีน แบรนด์ Chefman และการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการโรงแรม เป็นต้น ทุกวันนี้เริ่มเห็นเป็นรูปร่างแล้ว

เหลือเพียงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นที่วันนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ก่อนหน้านี้เราพูดเสมอว่า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อยู่ในขั้น SLOW DOWN เมื่อเป็นเช่นนั้นยิ่งต้องหาคนเก่งมาช่วยจัดการ ซึ่ง SIRI เขามีวิสัยทัศน์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดีมาก

ฉะนั้นเราจึงไปเชิญ SIRI ในฐานะที่เขาทำธุรกิจอยู่ในแนวรถไฟฟ้า BTS มาเนิ่นนาน (หัวเราะ) ให้มาช่วยพัฒนาที่ดินเปล่าที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้า ส่วนที่ดินที่ไม่ใช่แนวรถไฟฟ้ากำลังคิดอยู่ว่าจะทำเองหรือไม่ แต่หาก SIRI จะกรุณาช่วยพัฒนาด้วยก็ยินดีมาก

“แม้วันนี้จะมีที่ดินจำนวนมาก ทั้งติดแนวรถไฟฟ้าและไม่ติด อย่างแถวแม่น้ำ เจ้าพระยาฝั่งธนบุรี 21 ไร่ ใกล้ตึกธนาคารกสิกรไทย แต่ BTS ยังเดินหน้าสะสมที่ดินเปล่าต่อไป”

“เจ้าพ่อรถไฟฟ้า” เล่าต่อว่า แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจวางตัวทายาทคนโต “กวิน กาญจนพาสน์” ให้ดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์ แต่ “ไอ้อ้วน” (เขาเรียกแทนชื่อลูกชาย) มันไม่ชอบ เมื่อไม่ชอบก็ไม่ยอมมาดูแล และไม่ยอมมาทำงาน

ตอนนั้นลูกชายบอกว่า “กวินทำอย่างอื่นกำไรกว่า” สุดท้ายก็กำไรกว่าจริงๆ เขาค่อนข้างชอบเรื่องโฆษณา เชื่อหรือไม่!! ก่อน BTS จะตัดสินใจไปจีบ SIRI ผมทั้ง “กล่อม บังคับ และขู่” แต่ลูกชายไม่กลัวสักอย่าง เลยตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการทำงานน่าจะง่ายกว่า

เขาบอกว่า หากบริษัทร่วมทุนประสบความสำเร็จมาก ก็คงทำลักษณะต่อไปเรื่อยๆ แต่เมื่อวันใดที่เรามีความแข็งแรง ก็อาจทำเองบ้างในบางโครงการ ถามว่าอนาคต BTS กับ SIRI มีแผนต่อยอดความสัมพันธ์ ด้วยการแลกหุ้นกันหรือไม่

เขาตอบว่า “คงไม่..เดี๋ยวจะยุ่ง”

“วันนี้เราจะกลิ้งไปในธุรกิจที่รู้จักเป็นอย่างดี นั่นคือ อสังหาริมทรัพย์ และระบบขนส่งมวลชน อย่างธุรกิจขนส่ง เรามองว่า หากรัฐบาลเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางด่วน,โทลล์เวย์,เครื่องบิน หรือรถเมล์ เราพร้อมจะเข้าไปดำเนินการ ยกเว้นเรือด่วนคงไม่เอา แม้กำไรเยอะ แต่โครงการมันเล็กไม่คุ้ม”

ถามว่า ผลตอบแทนที่ดีในการทำโครงสร้างพื้นฐานควรอยู่ระดับเท่าไร? “คีรี” บอกว่า ถ้าขอมากคงจะไม่แฟร์กับประชาชน แต่ถ้าขอน้อยคงไม่มีใครกล้าทำ ฉะนั้นตัวเลขที่ดีควรจะยืนประมาณ 10-12 เปอร์เซ็นต์

วันนี้ BTS คงบอกไม่ได้ว่าจะซื้อกิจการอะไรเพิ่มเติมอีก ของอย่างนี้คาดการณ์ลำบาก เพราะบางครั้งมันนึกจะมาก็มา นึกจะไม่มาก็ไม่มาเอาเป็นว่าตอนนี้ไม่มีดีลอะไรในมือ แต่เรามีนโยบายซื้อกิจการต่อไป หากได้จังหวะดี ปกติผมเป็นคนซื้อของเร็ว จริงๆ BTS ไม่เหมือน VGI ที่ต้องซื้อโน้นนี่ เพราะขานั้นมีค่า P/E สูง ทำให้จำเป็นต้องซื้อกิจการ

เขาย้อนกลับไปตอบคำถามเรื่องบริษัทร่วมทุนว่า ในช่วง 3 ปีข้างหน้า “เศรษฐา” เขาบอกไปแล้วว่า บริษัทร่วมทุนจะทำรายได้ประมาณ 30,000 ล้านบาท หลังเตรียมเปิดโครงการแรกในต้นปีหน้า จากนั้นก็จะเปิดโครงการใหม่อีกประมาณ 2-3 แห่ง มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เฉลี่ยโครงการละประมาณ 3,000 ล้านบาท

“เรื่องเงินลงทุนไม่ต้องห่วง เพราะจะมาจากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเงินของผู้ถือหุ้นใหญ่ และกู้แบงก์”

ปัจจุบัน BTS มีที่ดินมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนไร่เท่าไหร่ จำไม่ได้จริงๆ มันเยอะมาก (ยิ้ม) ที่ดินตามต่างจังหวัดก็มี เช่น เขาใหญ่ และภูเก็ต เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นที่ดินได้มาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เบื้องต้นเราจะดึงที่ดินที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้ามาให้บริษัทร่วมทุนพัฒนา เช่น ที่ดินย่านลาดพร้าว และพญาไท เป็นต้น

เมื่อ “คีรี” ถูกสอบถามเรื่องโครงสร้างธุรกิจของ บมจ.แนเชอรัล พาร์ค เขา บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ บอกเพียงสั้นๆ ว่า หากวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ผู้ถือหุ้น NPARK อนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุน เพื่อให้ BTS เข้าไปถือหุ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อถึงวันนั้นจะสามารถเปิดเผยแผนธุรกิจได้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำดิวดิลิเจนท์ (ประเมินสินทรัพย์) ทำให้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่านี้ บอกได้เพียงว่า หน้าตาของ NPARK จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และจะกลายเป็นหุ้นที่น่าลงทุนตัวหนึ่ง

“เศรษฐา ทวีสิน” พูดเสริม “คีรี” ว่า ที่ดินแถวพญาไทน่าจะมีประมาณ 10 ไร่ ถ้าทำคอนโดมิเนียมน่าจะได้สัก 30-40 ชั้น ส่วนลาดพร้าวยังไม่รู้ ก่อนหน้านี้ได้พูดกับ “คีรี” ไปว่า อยากให้บริษัทร่วมทุนเข้าไปพัฒนาที่ดินบางแปลงในโครงการธนาซิตี้ ซึ่งแกก็ยังไม่ได้ตอบอะไร แต่คิดว่าคงให้ (ยิ้ม) ส่วนตัวมองว่า แม้ที่ดินบางแห่งจะไม่ได้อยู่ตามแนวรถไฟฟ้า แต่บริษัทร่วมทุนก็สามารถมาพัฒนาได้ โดยเราจะนำที่ดินแปลงเล็กๆ ของ BTS ที่ติดแนวรถไฟฟ้ามาสร้างเป็น Park and Ride ให้ลูกบ้าน

ก่อนหน้านี้หลายคนมักถาม SIRI ว่า เมื่อไหร่จะมีพันธมิตรเหมือนผู้ประกอบการรายอื่นๆ ตอนนั้นยอมรับตอบได้ไม่เต็มปาก เพราะวัตถุประสงค์ของเราคือ ไม่ได้ต้องการจับมือกับใครเพียงเพราะเงิน วันนี้ผู้ประกอบการหลายคนมีเงิน แต่เราอยากได้คนที่มีประโยชน์เสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งทั้ง BTS และ SIRI ต่างก็มีสตอรี่ที่จะสามารถต่อยอดให้กันได้

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้า หรือเรื่องบัตรแรบบิทของ BTS ที่วันนี้มีผู้ถือบัตรแล้วจำนวน 3 ล้านใบ ซึ่งบัตรแรบบิทจะทำให้ SIRI รู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ฉะนั้นสามารถต่อยอดธุรกิจให้ SIRI ได้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมา SIRI มักมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงที่ดีสวยๆ ฉะนั้นการมีบริษัทร่วมทุนแห่งนี้จะทำให้บริษัทเจอที่ดินสวยๆ ได้ง่ายขึ้น

“SIRI เริ่มคุยกับ BTS เมื่อ 2 เดือนก่อน เมื่อคุยกันแล้วรู้สึกคลิก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะตกลงทำงานร่วมกัน”

“เศรษฐา” ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ว่า เพราะอะไรผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จึงแห่ควบรวมกิจการ หรือจับมือเป็นพันธมิตร แต่ “คีรี” ตอบเรื่องนี้ว่า หากจับมือกันแล้วสามารถเสริมซึ่งกันและกันได้ ก็ควรทำไม่ใช่หรือ?

“กวิน” พูดเสริมผู้เป็นพ่อว่า สองบริษัทร่วมมือกันจะสามารถลดต้นทุนได้อย่างมาก ที่สำคัญบริษัทลูกของ BTS โดยเฉพาะ VGI ยังสามารถต่อยอดธุรกิจได้ด้วย

-------------------------------------------------------------------

ส่องฐานะการเงิน BTS & SIRI

“สุรพงษ์ เลาหะอัญญา” กรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS วิเคราะห์ผลประกอบการในปี 2558 (งบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2558) ว่า รายได้และกำไรสุทธิอาจต่ำกว่าปี 2557 (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2557) ที่มีรายได้ 23,919.77 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12,644.86 ล้านบาท เพราะปี 2558 บริษัทไม่มีรายการพิเศษการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

บริษัทคาดว่า ปีนี้จำนวนผู้โดยสารจะเติบโตประมาณ 5-8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 600,000 คนต่อวัน ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 700,000 คนต่อวัน ขณะเดียวเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ขึ้นค่าโดยสารอีก 1 เปอร์เซ็นต์

“ภายในปี 2557 บริษัทอาจทราบผลประมูลการเดินรถไฟฟ้าที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน มูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรเมืองจีนเข้าประมูลงานดังกล่าว ด้วยการถือหุ้นฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์”

ปัจจุบัน BTS พัฒนาโครงการใหญ่ๆ 2 แห่ง คือ โครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ Abstracts ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้า BTS และโครงการธนาซิตี้ ถนนบางนา-ตราด ขาออก กม.4 ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นประเภทบ้านเดี่ยว,ทาวน์เฮ้าส์,คอนโดมิเนียม และที่ดินจัดสรร มูลค่าโครงการประมาณ 8,500 ล้านบาท

อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม Abstracts Phahonyothin Park Tower A ,โครงการ นูเวลคอนโดมิเนียม, โครงการกิ่งแก้วคอนโดมิเนียม ,โครงการบ้านเดี่ยว พาร์ 1 บายธนาซิตี้ ,โครงการบ้านเดี่ยว เพรสทีจเฮาส์ ll และโครงการทาวเฮาส์ ll

ขณะเดียวกันยังมีที่ดินเปล่าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในโครงการธนาซิตี้ ประมาณ 186 แปลง ประกอบด้วย ที่ดินเปล่าบริเวณไพร์มแลนด์,โซนบี,โซนซี, โซนดี และบริเวณแคลิฟอร์เนียน จำนวน 9-50-64-63 แปลง ตามลำดับ มูลค่าโครงการ 142.53-565.94-533.28-167.80 ล้านบาท

นอกจากนั้น BTS ยังมีอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าด้วย เช่น อาคารพักอาศัยภายใต้ชื่อ เดอะรอยัล เพลส 2 และเดอะแกรนด์ รวมถึงอาคารสำนักงาน อาคารทีเอสที ทาวเวอร์ เป็นต้น พื้นที่เช่าประมาณ 20,000 ตารางเมตร อัตราการเช่า 2 โครงการแรกเฉลี่ย “ร้อยเปอร์เซ็นต์” ส่วนอาคารสำนักงานประมาณ 94.26 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกันบริษัทยังเป็นเจ้าของโรงแรม 4 แห่ง เช่น โรงแรม ยู เชียงใหม่ และโรงแรม ยู อินจันทรี กาญจนบุรี เป็นต้น ประกอบกับบริษัทยังเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟและสปอร์ตคลับในโครงการธนาซิตี้ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ ธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ จำกัด

“เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI เชื่อว่า ปี 2557 จะเป็นปีที่บริษัทมี “กำไรสุทธิสูงที่สุด” เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,929 ล้านบาท แต่ยังไม่อยากคำนวณตัวเลขให้ฟัง ส่วนในแง่ของรายได้คงใกล้ปีก่อนที่อยู่ระดับ 29,000 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิแล้ว 11,660 และ 1,367 ล้านบาท ตามลำดับ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 52,000 ล้านบาท

ส่วนปี 2558 บริษัทคงเปิดตัวโครงการใหม่มากกว่าปีนี้ที่เปิดตัวค่อนข้างน้อย เนื่องจากก่อนเปิดการขายโครงการต้องได้รับการอนุมัติเรื่องการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สวล.) เสียก่อน ฉะนั้นโครงการที่ตั้งใจจะเปิดในปีนี้จึงต้องเลื่อนไปเปิดในปีหน้า สุดท้ายบริษัทจะเปิดโครงการใหม่กี่แห่ง ขอบอกอีกครั้งปลายปีนี้แล้วกัน

“อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 แนวโน้มอาจขยายตัวไม่สูงมากนัก โดยรายใหญ่จะไปเทคมาร์เก็ตแชร์ของรายย่อยมากขึ้น ที่ผ่านมาผมพูดมาตลอดว่า หากไม่ใช่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จะอยู่ลำบาก” “เศรษฐา” เผลอแสดงความคิดเห็น

ปัจจุบัน SIRI ถือหุ้นใหญ่โดย บมจ.วิริยะประกันภัย จำนวน 649,061,530 หุ้น คิดเป็น 6.35 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็น บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 640,613,896 หุ้น คิดเป็น 6.27 เปอร์เซ็นต์ จากการตรวจสอบพบชื่อ “วรพรรณ จึงทรัพย์ไพศาล” ภรรยา “เสี่ยจึง-วิชัย” เซียนหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้น SIRI อันดับ 12 จำนวน 177,960,171 1.74 นอกจากนั้นยังพบชื่อ “เซียนหุ้นวีไอคนดัง” “นเรศ งามอภิชน” ถือหุ้น SIRI อันดับ 17 จำนวน 90,000,000 หุ้น คิดเป็น 0.88 เปอร์เซ็นต์ (ตัวเลข ณ วันปิดสมุดทะเบียนวันที่ 10 ต.ค.2557)

ส่วน BTS ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก โดย “คีรี กาญจนพาสน์” จำนวน 3,881,164,652 หุ้น คิดเป็น 32.58 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็น บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 770,667,077 หุ้น คิดเป็น 6.47 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารกรุงเทพ 545,466,733 หุ้น คิดเป็น 4.58 เปอร์เซ็นต์ บริษัท เค ทู เจ โฮลดิ้ง จำกัด 360,000,000 หุ้น คิดเป็น 3.02 เปอร์เซ็นต์ UBS AG HONG KONG BRANCH 351,994,700 2.95 เมื่อกลางปีก่อน “นเรศ งามอภิชน” ได้ขอซื้อหุ้น BTS ล็อตเดียว 100 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.50 บาท มูลค่ารวม 750 ล้านบาท จาก “คีรี กาญจนพาสน์”