สผ.'ปลดล็อก'อีไอเอล่าช้า

สผ.'ปลดล็อก'อีไอเอล่าช้า

สผ.โอนอำนาจกทม.พิจารณาออก "อีไอเอ" อาคารทุกประเภทครั้งแรก หลังพบออกใบอนุญาตของสผ.ที่ผ่านมาล่าช้า

ขณะที่โครงการยื่นขออนุมัติอีไอเอปีละกว่า 400 โครงการ พร้อมให้สิทธิ 7 จังหวัดพิจารณาอีไอเอได้สำหรับตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น

ผู้ประกอบการอสังหาฯ ขานรับแนวคิด เป็นเรื่องที่ดีช่วยให้การอนุมัติเร็วขึ้น ยอมรับที่ผ่านมาเป็นปัญหาใช้เวลานาน กระทบต้นทุน ส่งผลก่อสร้างล่าช้าถึงขึ้นยกเลิกโครงการ บิ๊กอสังหาฯ ปรับแผนขายคอนโดต้องผ่านอีไอเอก่อนเปิดขาย

ปัญหาการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ล่าช้ากลายเป็นตัวฉุดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการเรียกร้องให้เร่งพิจารณามาโดยตลอด ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลดล็อกการพิจารณาให้รวดเร็วขึ้น โดยกระจายอำนาจให้กทม.และอีกหลายจังหวัดร่วมพิจารณา

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ให้สัมภาษณ์ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า สผ.มีนโยบายเชิงรุกที่จะปรับลดระยะเวลา การทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ให้เร็วขึ้น จากเดิม 150 วันให้เหลือเพียง 90 วัน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่พักอาศัยซึ่งปัจจุบันเสนอให้สผ.พิจารณาเฉลี่ยปีละ 380-400 โครงการ ในจำนวนนี้ประมาณ 80-90% เป็นของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโดมิเนียม แบ่งเป็นโครงการที่เข้าสู่การพิจารณาอีไอเอประมาณ 80-100 โครงการต่อเดือน จากสถิติในจำนวนดังกล่าวมีประมาณ 10% ยื่นครั้งเดียวผ่านอนุมัติ ส่วนที่เหลือ 90% ส่งกลับเข้ามาพิจารณารอบ 2 ในรอบนี้ประมาณ 70% จาก 90% ที่ผ่านอีไอเอ มีเพียงไม่เกิน 30 โครงการที่ไม่ผ่าน

โอนกทม.พิจารณาอีไอเอทุกประเภท

ล่าสุด คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติให้กระจายอำนาจให้กรุงเทพฯ พิจารณาอีไอเอได้เป็นครั้งแรก โดยจะมีคณะกรรมการผู้ชำนาญการของกทม. เป็นผู้พิจารณาจัดทำรายงาน ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภท เพื่อให้กระบวนการพิจารณาเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม สผ.จะเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นเบื้องต้น ก่อนส่งไปยังคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ของกทม. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้พิจารณาอีไอเอ เมื่อพิจารณาแล้วจะส่งกลับไปยังสผ. วิธีการดังกล่าวเท่ากับว่างานหัว-ท้ายยังอยู่ที่สผ. แต่กระบวนการพิจารณาอยู่ที่กทม. ต่างจากของเดิมที่สผ.เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นเบื้องต้น แล้วส่งความเห็นให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ (คชก.)

ให้สิทธิ์7จังหวัดพิจารณาอีไอเอตึก8ชั้น

นายเกษมสันต์ กล่าวอีกว่ายังได้กระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นใน 7 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี พังงา สุราษฎร์ธานี และกระบี่ โดยจะให้พิจารณาเฉพาะโครงการที่มีความสูงไม่เกิน 8 ชั้น (ไม่เกิน 23 เมตร) โดยมีพื้นที่ใช้สอยไม่ถึง 1 หมื่นตารางเมตร ส่วนอาคารขนาดสูงกับอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ยังต้องส่งอีไอเอให้สผ.พิจารณาเหมือนเดิม

"การตรวจสอบบางโครงการ ท้องถิ่นที่เป็นที่ตั้งโครงการนั้นๆ น่าจะดำเนินการเองได้ จากนี้ สผ.จะเร่งทำคู่มือพิจารณาโครงการในด้านต่างๆ ของคอนโดมีเนียม รวมทั้งอบรมท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นคัดเลือก คชก. 8 คน ส่งให้ สผ.แต่หลังจากนี้ คงจะต้องติดตามประเมินผลว่าเป็นอย่างไรบ้าง"

นายเกษมสันต์ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเห็นชอบ ให้กทม.และอีกหลายจังหวัดเป็นผู้พิจารณาอีไอเอแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วส่งกลับไปกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้รัฐมนตรีลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป

พบปัญหาหลักแนวถอยร่นจากถนน

ทั้งนี้ จากข้อมูลเมื่อปี 2555 พบว่ามีโครงการที่ผ่านความเห็นชอบอีไอเอจำนวน 376 โครงการ โดยจำนวนโครงการที่อนุมัติมากที่สุดยังคงเป็นโครงการประเภทอาคาร จัดสรรที่ดินและบริการชุมชน 207 โครงการ ส่วนปี 2556 มีจำนวนโครงการรวม 480 โครงการ มากที่สุดยังคงเป็นโครงการประเภทอาคาร จัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน 346 โครงการ รองลงมาเป็นประเภทเหมืองแร่ 52 โครงการ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาโครงการที่ไม่ผ่านการพิจารณาอีไอเอ ส่วนใหญ่ยังเป็นปัญหาเดิม เรื่องของระยะถอยร่นจากแนวถนนอย่างน้อย 6 เมตร หรือพื้นที่สีเขียวน้อยกว่ากำหนด ที่จอดรถ สัดส่วน 30% ของจำนวนห้องชุด และปัญหาใหม่ที่พบ โครงการไปทัศนียภาพ รวมถึงบังลม บังแสงแดด รวมถึงความสูงของอาคารทำให้ความเป็นส่วนตัวหายไป

เอกชนหนุนกระจายอำนาจพิจารณา

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่าเป็นก้าวแรกของสผ.ในการกระจายอำนาจพิจารณารายงานอีไอเอให้กทม.และต่างจังหวัดพิจารณา เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการพิจารณาอีไอเอ แต่ละประเภทโครงการกว่าจะผ่านความเห็นชอบใช้เวลานาน มีการปรับแก้ไขหลายครั้ง ส่งผลให้การก่อสร้างล่าช้า เสร็จไม่ทันการส่งมอบในระยะเวลาที่ระบุในสัญญาซื้อขาย เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายทางด้านต้นทุน

ปัจจุบันกฎหมายกำหนดใช้เวลาไม่เกิน 105 วัน แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีโครงการที่ไม่ต้องปรับปรุงอะไรเลยน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องกลับมาแก้ไข 1-2 ครั้ง บางโครงการ 3-4 ครั้ง กินเวลา 8-10 เดือนกว่าได้รับอนุมัติ

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการที่สผ.กระจายอำนาจให้จังหวัดเป็นผู้พิจารณารายงานอีไอเอ คอนโดฯเองเป็นเรื่องที่ดี ที่ผ่านมามีปริมาณงานกระจุกตัวค่อนข้างมาก เฉพาะที่เข้าคิวเพื่อรอนำเข้าอีไอเอเข้าที่ประชมคชก. ก็ใช้เวลาเฉลี่ย 30-45 วัน ถ้าคณะกรรมการมีมติให้กลับมาแก้ไข 1-2 ครั้ง เบ็ดเสร็จใช้เวลาเฉลี่ย 4-6 เดือน

อสังหาฯปรับแผนผ่านอีไอเอก่อนขาย

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ปรับนโยบายการลงทุนใหม่ โดยโครงการจะต้องผ่านการอนุมัติการจัดทำอีไอเอก่อน จึงจะเปิดขาย เพื่อป้องกันปัญหาขายไปแล้ว แต่ไม่สามารถก่อสร้างส่งมอบให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด อาจทำให้ต้องคืนเงินลูกค้า หรือเสียค่าปรับให้แก่ลูกค้า ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาต่อการพิจารณาอีไอเอล่าช้ามาตลอด ทำให้ปีนี้บริษัทต้องเปิดขายโครงการล่าช้า ที่ช่วงครึ่งปีแรกเปิดไปแค่ 6 โครงการ จากแผนทั้งหมดในปีนี้เปิดตัว 19 โครงการ มูลค่า 3.3 หมื่นล้าน

โดยในไตรมาส 4 นี้ บริษัทมีโครงการที่ต้องเปิดขายตามแผนอีก 13 โครงการ มูลค่า 2.35 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ โครงการทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และโครงการคอนโด 8 โครงการ ในจำนวนนี้ มีคอนโดฯ ผ่านอีไอเอแล้ว 2 โครงการ ส่วนที่เหลือ 11 โครงการ อยู่ระหว่างยื่นรายงานผลกระทบอีไอเอ หากการอนุมัติอีไอเอได้ไม่ทันเปิดขายในปีนี้ อาจทำให้ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายวางไว้ 3 หมื่นล้านบาท จากในช่วง 9 เดือนทำได้เพียง 7,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาสามารถเปิดโครงการใหม่ได้เพียง 6 โครงการเท่านั้น

“เราเข้าใจบอร์ดอีไอเอว่ามีงานล้นมือ แต่ระยะเวลาที่รอการอนุมัติถือเป็นความเสี่ยง ลูกค้าอาจยกเลิกซื้อบ้านได้ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น ของแสนสิริ เราจะไม่เปิดตัวโครงการหากยังไม่ผ่านอีไอเอ เราจะไม่ฝืนธรรมชาติอีกต่อไป หากโครงการยังไม่ได้อีไอเอ และต้อง ปรับปรุงแก้ไข ทำให้มีปัญหาการส่งมอบโครงการให้ลูกค้าล่าช้า จะเป็นผลเสียมากกว่า รวมถึงมีผลต่อรายได้เข้าบริษัทด้วย"

นายเนรมิต สร้างเอี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่าบริษัทเน้นการเปิดตัวโครงการคอนโดฯว่าต้องผ่านอีไอเอก่อนจึงค่อยเปิดขาย หลังจากปีที่ผ่านมามี 2 โครงการ ที่เปิดขายไปแล้ว โครงการยู ดีไลท์ @ พหลโยธิน สเตชั่น และคอนโดยู@พหลโยธิน สเตชั่น แต่ไม่ผ่านอีไอเอจนต้องคืนเงินลูกค้า