'ชฎาทิพ จูตระกูล'ตามฝันพ่อ..แตกต่าง อย่าง ล้ำหน้า

เนรมิตรโปรเจคค้าปลีกไว้อย่างตระการตาชาวโลก มาจากส่วนลึกลูกสาวคนสุดท้ายมุ่งหมายตามรอยเส้นทางฝันของพ่อ
ก้าวไปอีกขั้นสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภท "ค้าปลีก" ภายใต้การกุมบังเหียนของ "แป๋ม ชฎาทิพ จูตระกูล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ทายาทคนสำคัญของ "พลเอกเฉลิมชัย จารุวัสตร์" ผู้เป็นบิดาที่มีวิสัยทัศน์ในการบุกเบิกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและค้าปลีกมาแต่ต้น
จะว่าไปเธอคือลูกคนเล็กที่ได้รับโอกาสจากบิดา ให้เข้ามาสานต่ออาณาจักรค้าปลีก "หมื่นล้าน" ของครอบครัว และทุกครั้งที่เธอมีไอเดียใหม่ๆในการพัฒนาโครงการห้างค้าปลีก ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยการสร้าง "ปรากฏการณ์" ตื่นตะลึงทั้งวงการค้าปลีก เพราะนอกจากโปรเจคจะ หรู เริ่ด อลังการณ์ ด้วยการดึงแบรนด์เนมดังระดับโลกเข้ามาเปิดช็อปในไทยแล้ว
เธอยังต้องสร้างความ "ต่าง" ด้วยคอนเซปต์ใหม่ๆ เพื่อฉีกหนีและทิ้งห่างคู่แข่ง ทุกย่างก้าว
ไล่หลังการประกาศ "อภิมหาโปรเจค" ร่วมทุนอย่าง "ICON SIAM" มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น
2 เดือนถัดมา ชฎาทิพ ก็ปลุกกระแสค้าปลีกอีกครั้ง กับการประกาศยุทธศาสตร์ 5 ปี ลงทุน 5.5 หมื่นล้านบาท ไม่เพียงไอคอนสยาม ในอนาคตยังจะมีแผนพัฒนาโครงการค้าปลีกใหม่ที่อยู่ระหว่างศึกษาอีก 7-8 โครงการ ยังขยายไลน์ออกไปร่วมทุนกับพันธมิตรระดับ "โลก" ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก (Core Buisiness) ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคาร ร้านอาหาร ธุรกิจบันเทิง ศิลปวัฒนธรรม
ประเดิมปิดดีลสิ้นปีนี้ 2-3 ราย เธอเล่า
กับคำถามว่า...ทำไมต้องใหญ่ ต้องล้ำ ไม่เคยเกิดในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกของโลก !?
คำตอบที่ได้รับคือ นั่นเพราะเป็น "ความตั้งใจของพ่อ"
"เป็นเป้าหมายของบริษัท เมื่อ 55 ปีก่อน" เธอเล่าและขยายความว่า..
"พ่อสร้างโรงแรมขึ้นท่ามกลางสวนฝรั่ง ไม่มีอะไรเลย สิ่งที่ท่านทำขึ้น มาจากดรีม จากความฝันของท่าน"
นั่นคือจุดเริ่มต้นพลิกผืนดินว่างเปล่า ผุดโรงแรม "สยามอินเตอร์คอนติเนนตัล" บนเนื้อที่ 72 ไร่ บนถนนพระรามที่ 1 ก่อนจะขยับสู่ธุรกิจค้าปลีก "สยามเซ็นเตอร์" ศูนย์การค้ามาตรฐานสากลแห่งแรกของไทย อาคารสยามดิสคัฟเวอรี่และสยามทาวเวอร์ โครงการมิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์แห่งแรก
กระทั่งศูนย์การค้าสยามพารากอน ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
การออกสตาร์ทครั้งนั้น เขย่าวงการธุรกิจไทยและช่วยดึงนักท่องเที่ยว สายการบินต่างๆมาเยือนไทยอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อทำให้โลกประจักษ์ เธอจึงยึดเป็น "คำมั่นสัญญา" ที่จะต้องรักษาความยิ่งใหญ่นี้ไว้ ด้วยเกียรติของลูกทหาร
สังเวียนค้าปลีกไม่ง่าย เพราะเธอต้องชกกับรุ่นใหญ่ เจอทั้งทุนไทยและทุนนอกรอบทิศ แต่หญิงแกร่งแห่งวงการค้าปลีก กลับเห็นว่า
"แข่งกับคนอื่นไม่ยาก แข่งขันกับตัวเองยากที่สุด เพราะเบนช์มาร์ก (เกณฑ์มาตรฐาน) ของเราสูงขึ้นเรื่อยๆ"
เพื่อความไม่ประมาท เธอจึงต้องมองหา "พันธมิตร" มาเสริมกระดูกเหล็ก
โดยคุณสมบัติเด่นของพันธมิตร คือ ความร่วมแรงร่วมใจ เดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
ที่เป็นการ "โปรเจคระดับชาติ" (National Project)
เธอยังยกตัวอย่างการร่วมทุนกับซี.พี. และบริษัทแม็กโนเลียฯ ที่ร่วมกันได้เพราะต้องการทำโปรเจคระดับชาติร่วมกัน
"เงินลงทุนต้องถึง ไม่ประหยัด เพราะสิ่งที่เราทำต้องมาตรฐาน" ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง แพงก็ต้องยอม "ต้องใจถึงด้านการลงทุน" ชฎาทิพ ย้ำ
สิ่งที่ที่เล่าสะท้อนถึงบุคลิกภาพ "กล้าได้กล้าเสีย" ควักเงินก้อนโต เพราะปกติโครงการของสยามพิวรรธน์ จะใช้ระยะเวลาในการคืนทุน "ยาว" กว่าปกติ ไอคอนสยาม ต้องใช้เวลาคืนทุนกว่า 10 ปี ถึงจะคุ้มทุน
"ต้องเข้าใจพวกเราไม่ได้ทำเพื่อกำไรอย่างเดียว แต่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ และประสบการณ์แปลกใหม่ให้ผู้บริโภค" ชฎาทิพ ระบุ
นอกจากจะลั่นแผน 5 ปี ยังสยามพิวรรธน์ยัง "ยกเครื่อง" ปรับโครงสร้างบริหารครั้งสำคัญในรอบ 55 ปี
เข้าตำรา "คิดทำการใหญ่ ขุนพลต้องเยี่ยม"
ด้วยการดึง "เซียนธุรกิจ" ด้านต่างๆ ทั้งในและต่างแดนมานั่งเก้าอี้ผู้บริหารระดับสูงมากถึง 7 คน เพื่อร่วมขับเคลื่อนการแผ่ขยายอาณาจักรค้าปลีก
การส่งเทียบเชิญผู้บริหารต่างชาติมาร่วมงาน จะช่วยเอื้อประโยชน์ในการให้บริการลูกค้าและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ในเชิงลึก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ล้วนเป็น "เศรษฐี" กระเป๋าหนักที่เข้ามาชอปปิงในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ในสัดส่วนมากถึง 20%
กับคำถามที่ว่า ในรอบ 1 ทศวรรษ ที่ไทยเผชิญหลากปัจจัยหลากหลาย แต่ธุรกิจค้าปลีกอย่างสยามพิวรรธน์ยังยืนหยัดฝ่าฟันวิกฤติมา ชฎาทิพ ยกความดีให้กับบรรดา "บุคลากร" ในองค์กรที่เป็นเหมือนเสาค้ำยัน
"เราก้าวข้ามวิกฤติต่างๆ มาได้ด้วยดี และมั่นคง เพราะมีบุคลากรที่หัวใจเกินร้อย" ครั้นถามว่าเหตุการณ์ใดที่เป็นโจทย์หินที่สุดสุด เธอบอกว่า
"แป๋มจะไม่จำเรื่องไม่ดี วิธีการทำงานคือจะจำแต่เรื่องดีๆ อะไรที่ผิดพลาดจะจำเพียงเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ"
คร่ำหวอดแวดวงค้าปลีกมานาน 2 ทศวรรษ กุญแจไขสู่ความสำเร็จในวันนี้หนีไม่พ้นการ "มองข้ามช็อต" Vision one step ahead ที่สำคัญทุกโปรเจคต้องไม่เหมือนใคร"
จับตาดูโค้งสุดท้ายปลายปี ที่เธอบอกจะออกมาพบปะสื่อทุกเดือน
"แป๋มยังมีเรื่องราวดีๆ จะเล่าให้ฟัง ตอนนี้แค่ออเดิร์ฟก่อน 3 เดือนหลัง ตั้งแต่ต.ค.-ธ.ค.เราจะเจอกันทุกเดือน และมีข่าวใหม่มาเขย่าวงการ อย่าให้พูดทีเดียวแล้วไม่เจอกันอีก 5 ปี ไม่ใช่สไตล์สยามพิวรรธน์" พูดจบก็หัวเราะ
มุ่งมั่นสานภารกิจพิชิต "วิชั่นของพ่อ" แล้วเป้าหมายของตัวเองล่ะ ?
เธอให้ความกระจ่างว่า "แค่นี้ก็จะตายแล้ว !!" พร้อมหัวเราะ ว่าแล้วก็หยิบสปีชจากแฟ้มมายื่นให้ และพูดตามข้อความในสปีช ที่ว่า...
"เราจะสร้างโครงการอันล้ำเลิศที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ให้เป็นสถาบันที่สง่างามมีชื่อเสียงระดับชาติ เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย....."
เป็นตามความคาดหมาย ข้อความในสปีช กลายเป็นข่าวใหญ่โตในสื่อทุกแขนง...







