เปิดแนวคิด "Sika" เคมีภัณฑ์ก่อสร้างระดับโลก (Advertorial)

ประสบความสำเร็จระดับโลก มิได้วัดกันเพียงแค่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก
แน่นอน ว่าการเป็นธุรกิจที่มีสาขาทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงาน ความสำเร็จทางธุรกิจคือผลลัพธ์ที่น่าชื่นชม ขณะที่องค์ความรู้ในการบริหารงานของธุรกิจเหล่านี้ก็มีคุณค่าในการเรียนรู้
ในระดับโลก ชื่อ “ซิก้า” (Sika) เป็นทั้งชื่อแบรนด์ และชื่อบริษัท โดยได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์สำหรับธุรกิจงานก่อสร้าง กาวอุตสาหกรรม รวมถึงยังผลักดันผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายยังธุรกิจประเภทโมเดิร์นเทรด
“ซิก้า” มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และสาขาใน 84 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีโรงงานผลิตมากกว่า 160 โรงงาน
ธุรกิจหลักของ “ซิก้า” นั้นมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในงานผลิตคอนกรีต งานซ่อมแซมคอนกรีต และงานเสริมกำลังโครงสร้าง งานพื้นอุตสาหกรรมประเภทอีพ๊อกซี่ และโพลียูรีเทน งานยาแนวรอยต่อ งานกันซึม ทั่วไป งานกันซึมหลังคา และงานกาวอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการผลิตที่ต้องให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ”
“ซิก้า” ขยายสาขาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ 25 ปีก่อน (พ.ศ. 2532) โดยจดทะเบียนในชื่อ บริษัท ซิก้า (ประเทศไทย) จำกัด และมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง และในปี 2556 ที่ผ่านมา ซิก้า (ประเทศไทย) ทำยอดขายได้ถึง 1,600 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการขับเคลื่อนอย่างร่วมแรงร่วมใจโดยพนักงาน จำนวน 250 คน และมุ่งมั่นสู่ 3,200 ล้านบาท ในปี 2561
คุณเลียม กอร์ดอน ไกซ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่ “ซิก้า” เป็นบริษัทผู้นำระดับโลกที่เชี่ยวชาญในงานการพัฒนาและผลิตเคมีภัณฑ์เพื่องานก่อสร้าง และงานกาวอุตสาหกรรม บริษัทฯ จึงถือเป็นพันธกิจสำคัญที่การดำเนินงานของซิก้าในทุกประเทศ จะให้ความสำคัญกับคุณภาพ การบริการ ความปลอดภัย และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องธุรกิจคือ การใส่ใจในสิ่งแวดล้อม
“ในทางธุรกิจ เรามุ่งมั่นในการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งในตลาด แต่ละปีที่ผ่านไป พนักงานของเราร่วมกันพัฒนาแบรนด์ “ซิก้า” (Sika) ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยกระบวนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ซึ่งซิก้ามีความกล้าในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ของซิก้าสามารถสร้างความมั่นใจและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าได้ ซึ่งนั่นหมายถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตรงเวลาให้กับลูกค้าของเรา รวมถึงผู้คนในสังคมที่ได้ใช้สินค้าของซิก้าด้วยเช่นกัน”
สโลแกน “Building Trust” ของบริษัทฯ จึงไม่ใช่คำสวยๆ แต่เป็นพันธสัญญาที่บริษัทมอบให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็เป็นจุดหมายร่วมกันของพนักงาน“ซิก้า” ทั่วโลก
ภายใต้แบรนด์ Sika ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักๆ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์งานผลิตคอนกรีต กลุ่มผลิตภัณฑ์งานเกร้าท์ และเทฐานเครื่องจักร กลุ่มผลิตภัณฑ์งานซ่อมแซมคอนกรีต กลุ่มผลิตภัณฑ์งานเสริมกำลังโครงสร้าง กลุ่มผลิตภัณฑ์งานยาแนวรอยต่อและติดยึด กลุ่มผลิตภัณฑ์งานป้องกันโครงสร้าง กลุ่มผลิตภัณฑ์งานกันซึมทั่วไป กลุ่มผลิตภัณฑ์งานกันซึมหลังคา กลุ่มผลิตภัณฑ์งานพื้นอุตสาหกรรม กลุ่มผลิตภัณฑ์งานติดตั้งกระจกรถยนต์ / ซีลตัวถังรถยนต์ เป็นต้น
ลูกค้าของซิก้าจึงมีอยู่ในอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ อาทิเช่น กลุ่มผู้ผลิตคอนกรีต, ผู้เชี่ยวชาญระบบงานกันซึม, ผู้เชี่ยวชาญระบบงานหลังคา, ผู้เชี่ยวชาญระบบงานพื้น, ผู้เชี่ยวชาญระบบงานยาแนว และงานติดยึดชนิดยืดหยุ่น, ผู้เชี่ยวชาญระบบงานซ่อมแซมคอนกรีต, อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมประกอบเรือ ฯลฯ
สำหรับกลยุทธ์ขององค์กร คุณเลียม กอร์ดอน ไกซ์ เปิดเผยว่า บริษัท ซิก้า (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ อาทิ ด้านผลิตภัณฑ์ ซิก้ามุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีระดับโลก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ตระหนักดีถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ไม่ว่าซิก้าจะดำเนินกิจการที่ประเทศใด พื้นที่ใด ก็จะให้ความสำคัญกับการนำความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปสู่ประชาชนในพื้นที่นั้นๆ รวมถึงพยายามรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลดปริมาณขยะ ลดปริมาณการใช้น้ำ ลดการใช้พลังงาน พร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น
ในส่วนของการดูแลพนักงาน ซิก้า เน้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน มีเป้าหมายเพื่อลดอุบัติเหตุให้เป็น 0 เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขในการทำงานของพนักงาน
องค์กรที่ได้ชื่อว่า “ประสบความสำเร็จระดับโลก” มิได้วัดกันเพียงแค่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก หากแต่เป็นการที่ลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลกรวมทั้งคนในสังคมให้ความเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานของบริษัทที่มุ่งเน้นคุณภาพ และร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานที่ดีให้กับสังคม
บริษัท ซิก้า (ประเทศไทย) จำกัด
สำนักงานใหญ่และโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
สำนักงานฝ่ายขาย มี 3 แห่ง(กรุงเทพฯ, เชียงใหม่ และภูเก็ต)







