เศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส2ปรับตัวดีขึ้น

แบงค์ชาติชี้ภาคเหนือภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาส2ปีนี้ เริ่มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
หลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ขณะที่การส่งออกกระเตื้อง เหตุส่งออกชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจโลกและประเทศเพื่อนบ้าน
นายสมศักดิ์ วงศ์ปัญญาถาวร ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) สำนักงานภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเงินประจำไตรมาสที่ 2 / 2557 อิงกับเศรษฐกิจไทยในภาพรวมช่วงครึ่งแรกขยายตัวในเกณฑ์ต่ำ จากสาเหตุสำคัญคือ การใช้จ่าย และภาคลงทุนของภาครัฐเนื่องจากการบริหารเป็นไปอย่างจำกัด ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ และผู้บริโภคลดลง รวมทั้งเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวได้ไม่ดี ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ยุโรป อเมริกาและจีน อุตสาหกรรมชะลอตัว โดยเฉพาะจีนที่มีผลต่อเศรษฐกิจภาคเหนือโดยรวมอย่างมาก มีอัตราขยายตัวลดลง ขณะที่ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น อาจพ้นจุดต่ำสุดได้ ในช่วงครึ่งหลัง จากที่การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของ อุปสงค์ต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และพม่า จึงกล่าวได้ว่า จากครึ่งแรกที่มีแนวโน้มหดตัว แต่คาดว่าจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง และน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในปีหน้า
ส่วนภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือ ไตรมาสที่ 2 เริ่มปรับตัวดีขึ้น ภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย นิคมอุตสาหกรรมลำพูน มีการฟื้นตัวมาก จากการผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ การผลิตสินค้าส่งออกขยายตัวดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก พม่าเปิดประเทศมากขึ้น เชื่อมโยงการขยายตัวของภาคการส่งออกระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือ มีผลต่อการส่งออกในภาคอุตสาหกรรมภาคเหนือ ถึงร้อยละ 13
ด้านการใช้จ่ายภาคเหนือยังหดตัว แต่เริ่มปรับดีขึ้นตามความเชื่อมั่น การท่องเที่ยวแผ่วลงตามฤดูกาล และผลกระทบของปัจจัยการเมือง ทั้งนี้สายการที่เปิดบินตรงจากต่างประเทศสู่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนภาคการลงทุน มีการกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย มีสัญญาณที่ดีขึ้น นักลงทุนรอดูความชัดเจนของเศรษฐกิจและนโยบายรัฐ
สำหรับภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือเดือนมิถุนายน 2557 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนเกือบทุกด้าน ภายหลังจากสถานชนการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย และนโยบายภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากการอุปโภคบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเพื่อการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
ขณะที่รายได้เกษตรกรปรับดีขึ้น และชาวนาได้รับเงินค้างจ่าย โครงการรับจำนำข้าวแล้ว ขณะที่การท่องเที่ยวชะลอตัวลงตามฤดูกาล และได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองบ้าง แต่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายเดือน สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อชะลอลง ด้านธนาคารพณิชย์ เงินฝาก และสินเชื่อชะลอตัว
ส่วนภาคอุปสงค์ยังหดตัวจากระยะเดียวกันกับปีก่อน โดยดัชนีการอุปโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.7 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากลดลงร้อยละ5.4 ในเดือนก่อนหน้า ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งเกษตรกรมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นบ้าง ภายหลังได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณผ่านคลังจังหวัด มีจำนวน 14,236.5 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 5.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองช่วงก่อนหน้า
ในขณะเดียวกันด้านการส่งออกมีมูลค่า 433.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์สื่อสาร และยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สำนักงาน และเซรามิก จากความต้องการของตลาดญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และอาเซียน ประกอบกับการผลิตเลนส์กล้องถ่ายรูป ได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น
ส่วนรายได้การเกษตร ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่ดัชนีค้าปลีกหดตัว จากระยะเดียวกันในปีก่อน ร้อยละ 11.5 ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ชะลอลงเหลือร้อยละ 2.3 ตามการปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารสด รวมทั้งอัตราว่างงานปรับสูงขึ้นจากระยะเดียวกันในปีก่อนเป็นร้อยละ 1.2
ภาคการเงินขยายตัวชะลอลง โดยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 มียอดคงค้าง 587,680 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.2 ชะลอต่อเนื่องจากเดือนก่อน แม้ธนาคารพาณิชย์เริ่มทยอยออกผลิตเงินฝาก เพื่อรักษาฐานลูกค้า และบริหารเงินฝากให้เติบโตสอดคล้องเงินให้สินเชื่อ แต่ลูกค้าบางส่วนยังไปลงทุนในตราสารหนี้ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ด้านเงินให้สินเชื่อ มียอดคงค้าง 571,774 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.7 ชะลอลงต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 13 ตามการชะลอลงของสินเชื่ออุปโภคบริโภค ส่วนบุคคลโดยเฉพาะเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อธุรกิจภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือครึ่งหลังปี 2557 นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือ ทิศทางของเศรษฐกิจโลกและประเทศเพื่อนบ้าน หากอเมริกา ยุโรป จีน รวมทั้งเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว และเวียดนาม มีทิศทางที่ดี ก็ย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจการส่งออกของไทย รวมทั้งปัจจัยการฟื้นตัวของภาวะท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 4 ฤดูกาลท่องเที่ยวใหม่กำลังจะมาถึง ภาคเหนือน่าจะได้ประโยชน์จากความไว้วางใจมากขึ้น ส่วนแนวโน้มราคาราคาพืชผลหลัก รวมทั้งบทบาทและการใช้จ่ายภาครัฐ ก็มีผลเช่นกัน คาดว่า 2 เดือนจากนี้ไปจะมีการจับจ่ายดีขึ้นจากการกระตุ้นอย่างถูกทาง ซึ่งจะส่งผลถึงปัจจัยตัวสุดท้ายคือ การฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ที่จะดีขึ้นได้จากความเชื่อมั่นในภาครัฐ







