ธุรกิจโอดกำลังซื้อรากหญ้าไม่ฟื้น

ธุรกิจโอดกำลังซื้อรากหญ้าไม่ฟื้น

"ภาคธุรกิจ"โอดกำลังซื้อรากหญ้ายังไม่ฟื้นตัวกลับมา ภาคการเกษตรยังอ่อนแรง

ซิงเกอร์ระบุ ยอดขายไม่ขยายตัวตามคาดการณ์ สอดคล้องตลาดรถเกี่ยวข้าว จักรกลเกษตร แจงยอดขายยังหดตัว 40 % ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า "พัดลม-ตู้เย็น" ราคาถูกขายดี ขณะที่เครื่องไฟฟ้าราคาแพงขายยาก สวนทางตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ เครื่องประดับหลักล้านบาทขึ้นไปขายดีต่อเนื่อง

แม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะงัดหลากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลัง แต่ผ่านไป 2 เดือนเศษ กำลังซื้อยังอยู่ในภาวะทรงตัว บางรายการสินค้ายังซบเซา หรือกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย

นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจขณะนี้ยังไม่ขยายตัวหรือเติบโตอย่างที่คาดการณ์ไว้ แม้คสช. จะเข้ามาขับเคลื่อนประเทศ ผลักดันด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลับเป็นแบบ U shape หรือชะลอตัวยาวนานก่อนจะผงกหัวขึ้น ต่างจากก่อนหน้านี้ที่หลายฝ่ายประเมินว่า หลังการเข้ามาของคสช.เศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวแบบ V shape หรือการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คาดว่า กำลังซื้อในไตรมาส 3 จะขยายตัวได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ถึงกับเลวร้าย ภาวะดังกล่าวเห็นว่า ภาครัฐไม่ควรออกนโยบายที่ซ้ำเติมผู้บริโภค โดยเฉพาะการพิจารณาปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) จาก 7% เป็น 10% ในวันที่ 1 ต.ค.2558 เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชน

เขายังเห็นว่า เศรษฐกิจในปีนี้ ยังสร้างบทเรียนใหม่ให้กับประเทศ เนื่องจากเป็นปีที่ประชาชนฐานรากได้รับผลกระทบ อาทิ การจ่ายเงินล่าช้าในโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย การบริโภคหดหายหมดจากระบบเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อยอดขายของซิงเกอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระ ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือประชาชนฐานราก

กำลังซื้อภาคเกษตรยังไม่ฟื้น

"การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ตอนนี้ดูจริงๆคงไม่เร็วอย่างที่คิด เพราะปัญหาเศรษฐกิจอยู่ที่ฐานรากทำให้การฟื้นตัวช้า ต่างจากวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ที่คนรวยเจ๊ง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นเลยกลับมาได้เร็ว เพราะมีฐานรากประคองไว้ ปีนี้ถือว่าเป็นบทเรียนเลย เพราะที่ผ่านมาภาคธุรกิจฝ่าฟันวิกฤติมาได้ทั้งปี 2553-2554 ตอนเกิดน้ำท่วม ยอดขายก็ยังเติบโตได้ 20%"

นายบุญยง ยังกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจของซิงเกอร์ในครึ่งปีแรกว่า ยังอยู่ในภาวะทรงตัว และประเมินว่ายอดขายทั้งปีอาจไม่เติบโตมากนัก โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวมที่ 4,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2556 ที่มียอดขายราว 3,639 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรก ยอดขายรวมอยู่ที่ 949 ล้านบาท กำไรสุทธิ 102 ล้านบาท

"ปีนี้ยอดขายคงไม่โต เพราะการจับจ่ายใช้สอยยังคงชะลอตัว ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งสำคัญภาครัฐควรหามาตรการเร่งให้เกิดการบริโภคภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายบุญยง กล่าว

จักรกลเกษตรยอดขายวูบ 40%

นายสมชัย หยกอุบล ประธานกรรมการ บริษัท เครื่องจักรกลเกษตรไทย จำกัด ผู้ผลิตรถเกี่ยวนวดข้าวไทยแบรนด์เกษตรพัฒนา ยอมรับว่า แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการออกมาตรการขับเคลื่อนต่างๆ อาทิ เร่งจ่ายเงินค้างค่าข้าวแก่ชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ที่ประเมินว่าจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้

นายสมชัย คาดว่า ต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควรกว่าที่เศรษฐกิจจะกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ เนื่องจากเงินที่ชาวนาได้รับยังไม่ช่วยให้ลืมตาอ้าปากได้ เท่าที่เห็นชาวนา มี 2 กลุ่มที่เมื่อได้รับเงินแล้วจะนำเงินไปใช้หนี้ที่กู้มาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และอีกกลุ่มหนึ่งจะนำไปใช้หนี้เงินกู้นอกระบบ ดังนั้นชาวนาส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีเงินลงทุนในฤดูกาลใหม่

"กำลังซื้อรากหญ้าจริงๆ ยังไม่ฟื้น สะท้อนได้จากการซื้อเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตร ที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยตลาดรวมเครื่องจักรกลเกษตรและอุปกรณ์ยังคงปรับตัวลดลง 40-45% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 4-5 หมื่นล้านบาท"

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คู่แข่งในอุตสาหกรรมจักรกลการเกษตรเลือกที่จะลดกำลังการผลิตลง ส่วนบริษัทยังไม่มีแผนลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีก-ค้าส่งไทย กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ากำลังซื้อยังหายไปจากกลุ่มประชาชนฐานราก เห็นได้จากการจับจ่ายใช้สอยหลายๆด้านที่ลดลง จากที่คาดกว่าการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 จะทำให้เงินสะพัดหลายหมื่นล้านบาท หรือการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในงวดที่ผ่านมา แม้ราคาขายจะปรับลดลงบ้าง แต่กลับพบว่ามีสลากกินแบ่งเหลือบนแผงสูงกว่าปกติ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องยอมขายในราคาขาดทุน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเงินที่หายไปจากระบบเศรษฐกิจค่อนข้างมาก

ส่วนแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคในปลายปีนี้ จะต้องพิจารณาว่ามาตรการต่างๆที่คสช.ดำเนินการนั้นจะเห็นผลมากน้อยแค่ไหน

พัดลม-ตู้เย็น ราคาถูกขายดี

ด้าน นายชญานินทร์ โพธิวรคุณ รองผู้จัดการฝ่ายสำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท กันยงอีเลคทริค จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์มิตซูบิชิ กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาล คสช.จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมา แต่ภาพรวมแล้วก็กำลังซื้อก็ยังไม่กลับมาอยู่ในระดับเดิม ยกเว้นในเรื่องความเชื่อมั่นที่กลับเข้ามา จากการที่บริษัทเช็คยอดจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ต่างบอกว่าสินค้าที่ขายดียังคงเป็นสินค้าราคาย่อมเยา เช่น พัดลม และตู้เย็นราคาไม่เกิน 6,500 บาท เท่านั้น

เศรษฐกิจซึมไม่กระเทือนซูเปอร์ลักชัวรี่

นายศิรัส ธัญญวัฒนกุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไซรัส ธัญญา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับเพชรแบรนด์ไซรัสธัญญา กล่าวว่า ตลาดเครื่องประดับหรู (ลักชัวรี) ยังอยู่ในภาวะซบเซา เห็นได้จากปริมาณลูกค้าใหม่ๆที่เข้ามาชอปปิงและซื้อเครื่องประดับเพชรภายในร้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะระดับราคาหลักแสนบาทต้นๆ ขณะที่ลูกค้าที่เป็นเศรษฐีจริงๆ (ซูเปอร์ลักชัวรี่) ยังคงใช้จ่ายและซื้อเครื่องประดับราคาหลักล้านบาทอยู่ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การที่บริษัทขยายตลาดด้วยการเป็นผู้ผลิตเพชรเพื่อขายส่งป้อนร้านเครื่องประดับเพชรต่างๆ ยังพบว่าลูกค้าที่มีกว่า 10 ราย สั่งซื้อเพชรไปสต็อกไว้น้อยลง โดยจะซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็นและมั่นใจว่าสินค้าดังกล่าวจะขายได้เท่านั้น ส่วนแนวโน้มตลาดอัญมณีและเครื่องประดับมูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 และทั้งปีคาดว่าตลาดรวมเติบโตได้ค่อนข้างยาก

"พฤติกรรมการชอปปิงของลูกค้าระดับไฮเอนด์จริงๆยังคงใช้จ่ายซื้อเครื่องประดับราคาหลักล้านบาท โดยปีนี้ขายได้ราคาแพงสุดหลักสิบล้านบาท ส่วนหนึ่งซื้อเพราะความชอบ ต้องการใช้เครื่องประดับใหม่ตลอดเวลา และซื้อเพื่อเป็นมรดก ส่วนลูกค้าระดับกลางบนหรือเอลบลงมา ที่ซื้อสินค้าราคาหลักหมื่นจนถึง 2-3 แสนบาทจะน้อยลง"

ส่วนการทำตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทจะรุกหนักมากขึ้น ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์เน้นออกสินค้าใหม่ 4-5 คอลเลคชั่น เฉลี่ย 10 รายการต่อคอลเลคชั่น และมุ่งเจาะตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น