50 ปีเส้นทางสร้างคน 'กลุ่มสารสาสน์'

50 ปีเส้นทางสร้างคน 'กลุ่มสารสาสน์'

การเติบโตของกลุ่มโรงเรียนสารสาสน์ฯ ที่มีโรงเรียนในเครือ 37แห่ง ในจำนวนนี้มี 24 แห่งที่เป็นสองภาษา คิดเป็นจำนวนนักเรียน 78,473 คน ครูไทย 5,279 คน ครูต่างชาติ 1,281 คน เราเป็นครอบครัวที่ใหญ่มาก

หลักไมล์ของสารสาสน์จะเดินทางมาถึงจุดนี้ไม่ได้ พิสุทธิ์ ยงค์กมล ผู้อำนวยการโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา บอก หากขาดซึ่งจิตตารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ที่เข้มแข็งเกินธรรมดา

โรงเรียนสารสาสต์ เริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2536 ในชื่อ สารสาสน์พิทยา เปิดสอนแผนกสองภาษาไทย-อังกฤษ เรียกว่า EXTRA CLASS เป็นชั้นเรียนพิเศษที่จัดการเรียนการสอนด้วยภาษาอังกฤษมากกว่าชั้นเรียนอื่นๆ และสอนโดยมีครูชาวต่างประเทศเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องและถูกวิธีจากครูผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษา

ถัดมาในปี พ.ศ. 2537 Catholic Education Center, Brisbane ประเทศออสเตรเลีย ได้ส่งบุคลากรมาให้ความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน และประสานงานในการจัดหาครูผู้สอน เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์ในการเรียน

ในปี พ.ศ. 2538 แผนกสองภาษา EXTRA CLASS ได้แยกออกมาจัดตั้งเป็น "โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา" ที่วันนี้เปิดการเรียนการสอนมาถึงปีที่ 17

โรงเรียนสารสาสน์เอกตราเป็นโรงเรียนหนึ่งในกลุ่มโรงเรียนเครือสารสาสน์ ที่มีอยู่ ทั้งหมด 26 โรงเรียนเป็นโรงเรียน แห่งแรกที่จัดการเรียนการสอน โดยใช้ ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอน ในลักษณะสองภาษา ไทย-อังกฤษ (BILINGUAL Thai-English) ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวง ศึกษาธิการให้ดำเนินการสอน เมื่อปี พ.ศ. 2538 หลังจากได้รับอนุญาต โรงเรียนได้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เปิดทำการสอนในระดับชั้น เตรียมอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ และจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนในลักษณะสองภาษา ไทย-อังกฤษ (BILINGUAL Thai-English) และจัดบรรยากาศการเรียนการสอนภายใต้ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences: MI) ของศาสตราจารย์โฮเวิร์รด การ์ดเนอร์ ที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนในทุกระดับการศึกษา

เส้นทางที่เติบโตของกลุ่มสารสาสน์ ไม่เฉพาะสาขาที่ครอบคลุมอยู่เดิมทั่วประเทศ พิสุทธิ์ บอก ล่าสุดเตรียมเปิดการสอนอีกแห่งที่จังหวัดเพชรบุรี พื้นที่ 20 ไร่ , สารสาสน์ สมุทสงคราม และอีกแห่งที่ ท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากนี้ยังมีอีก 2 แหงที่จังหวัดเชียงใหม่

"การเปิดโรงเรียนเพิ่มเป็นการจัดการศึกษาให้เข้าถึงผู้เรียน แน่นอนว่าสัดส่วนประชากรเกิดใหม่จะลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม การศึกษาก็ยังเป็นที่จำเป็นสำหรับทุกคน และพ่อแม่ก็ย่อมต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก" พิสุทธิ์ กล่าวและว่า ในแต่ละจังหวะก้าวของสารสาสน์ เราไม่ได้ให้แค่การศึกษา แต่เรา "สร้างคน" ทั้งวิชาการที่เข้มข้น ภาษาต่างประเทศ และ ทักษะชีวิต

ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ย้อนถึงจุดเริ่มต้นโครงการทดลองหลักสูตรภาษาอังกฤษที่นำครูต่างชาติเป็นผู้สอน เรียกว่า เอ็กซ์ตร้า (Extra) ในชั้นอนุบาลและประถม 1 ที่โรงเรียน สารสาสน์พิทยา ในปี 2535 ด้วยการคัดเลือกเด็กนักเรียนที่มีคะแนนสูงสุดอันดับที่ 1-5 จากแต่ละห้องมารวมอยู่กัน

สิ่งที่สังเกตเห็นได้คือ บรรยากาศและการผสมผสานภาษาไทยกับภาษาอังกฤษได้อย่างลงตัวจะส่งผลให้เด็กสามารถเรียนภาษาไทย และพูดภาษาอังกฤษได้ดี

"ที่นี่เน้นการเรียนที่ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง จะต้องสร้างและหาที่ยืนให้กับนักเรียนทุกคนในโรงเรียน ตามความสามารถและศักยภาพของแต่ละคน บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถทางปัญญาที่ต่างกัน"

เพราะเชื่อว่าทุกคนจะมี Talent ซ่อนอยู่ ถ้าหากปลุกสิ่งนี้ขึ้นมาอย่างถูกที่ถูกเวลา และพัฒนาให้ดี จะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น และนโยบายของกลุ่มสารสาสน์ เด็กที่เรียนที่นี่จะต้องเล่นเครื่องดนตรีให้ได้อย่างน้อย 1 ชิ้น ทั้งดนตรีสากล และดนตรีไทย

การเล่นดนตรี เป็นอีกนโยบายที่ผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมนอกเหนือจากวิชาการที่เข้มข้น โดย พิสุทธิ์ เชื่อว่า ดนตรีมีผลต่อการเรียนที่ดีขึ้นของเด็กอย่างแน่นอน หลายทฤษฎีบอกเอาไว้ แล้วในกรณีที่นำไปปฏิบัติจนเกิดผลดีก็มีมาแล้ว เช่น คุกแห่งหนึ่งได้มีการนำเอาดนตรีเข้าไปบำบัดนักโทษเพื่อลดความก้าวร้าว ในขณะเดียวกันผลของการนำมาใช้กับเด็กในโรงเรียนสารสาสน์ก็คือ เด็กจะมีสมาธิมากขึ้น เรียนดีขึ้น มีความอดทนมากขึ้น และคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

ผลงานของวงดนตรี Jazz Extra11 โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา กับการคว้ารางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2 ปีซ้อน เป็นผลลัพธ์ของการนำดนตรีมาเสริมพัฒนาการให้เด็กได้ฝึกสมองซีกซ้าย-ซีกขวา ฝึกการคิด ฝึกความอ่อนโยน ทำให้เด็กเกิดพัฒนาการและจิตนาการ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences: MI) ของศาสตราจารย์โฮเวิร์รด การ์ดเนอร์

ในส่วนของการความเข้มข้นเชิงวิชาการ ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์นั้น มีความจำเป็นต้องพัฒนาสื่อการเรียนการสอนขึ้นมาเฉพาะเพื่อสร้างการเรียนรู้ ซึ่ง Digital Education จะเป็นเป้าหมายของการสร้างสื่อการเรียนการสอนที่ พิสุทธ์ เตรียมผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างช้าในปี 2558

"ผมให้ความสำคัญอย่างมาก มีการเซ็ททีมขึ้นมาเฉพาะในการพัฒนาจากระบบ e-Learning ให้เป็น Digital Education อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกัน การพัฒนา คุณครู ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และต้องทบทวนตัวเองในบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอด"

พิสุทธิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาถึง 50 ปีของสารสาสน์ ตอกย้ำว่า เราเป็นมืออาชีพ และเราเดินมาถูกทางแล้ว