อิชิตันมั่นใจเทรดเหนือจอง

อิชิ ตัน กรุ๊ปมั่นใจเข้าซื้อขายวันแรก 21 เม.ย.57 ราคาเหนือจอง ชูจุดเด่นผลประกอบการโตโดดเด่น-คุมต้นทุนได้ดีจูงใจนักลงทุน
อิชิ ตัน กรุ๊ปมั่นใจเข้าซื้อขายวันแรก 21 เม.ย.57 ราคาเหนือจอง ชูจุดเด่นผลประกอบการโตโดดเด่น-คุมต้นทุนได้ดีจูงใจนักลงทุน พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 14% ยันหุ้นใหญ่ไม่ขายหุ้นหลังเข้าตลาด
นาย ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) กล่าวว่า การซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่ง วันที่ 21 เม.ย. 2557 บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน และราคาซื้อขายจะสูงกว่าราคาจองซื้อหุ้นที่ 13 บาทได้ เนื่องจากธุรกิจชัดเจนมีความใกล้ชิดผู้บริโภค ประกอบกับการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวที่มีทิศทางการเติบโตโดดเด่น ภายใน 2 ปี มีส่วนแบ่งการตลาด 42% ขึ้นเป็นอันดับ 1ในอุตสาหกรรม
เขากล่าวว่า ปี 2557 อัตรากำไรขั้นต้นจะมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปีที่แล้วที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 14% ตามสัดส่วนการปรับลดการว่าจ้างผลิต (OEM) ที่เดิมมีสัดส่วน 25% และกำลังจะลดลง เนื่องจากโรงงานเฟส 2 จะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/2557 และส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตแบบขวดเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านขวด ต่อปีและ 200 ล้านกล่องต่อปี จากเดิม 600 ล้าน ขวดต่อปี และ 200 ล้านกล่องต่อปี
“มั่นใจว่าหุ้นจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนจนยืนเหนือราคาจอง ส่วนหนึ่งเชื่อว่าราคาขายไอพีโอ 13 บาทเป็นราคาที่น่าสนใจ ให้ส่วนลดนักลงทุนถึง 36% อีกทั้งได้รับความสนใจจากนักลงทุน มียอดจองหุ้นจนล้นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สร้างความมั่น ใจให้กับนักลงทุนทำให้เข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อลงทุน หวังผลตอบแทนใน ระยะยาว”
เขากล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมรายใหญ่ มีสัดส่วนการถือหุ้น 60.4% ซึ่งจะติดไซเรนท์ พีเรียด (Silent Period) ขั้นต่ำ 55% โดยหุ้นของกลุ่มภาสกรนทีที่ถือหุ้นรวมกัน 51.% ติดไซเรนท์ พีเรียด ห้ามขายเป็นระยะเวลา 1 ปี ส่วนอีก 4% ที่เหลือที่ติดไซเรนท์ พีเรียด เป็นของผู้บริหารท่านอื่น ทั้งนี้ ยืนยันว่ากลุ่มภาสกรนที และผู้บริหารท่านอื่นจะถือหุ้นทั้งหมดในระยะยาว และไม่มีแผนจะลดสัดส่วนการถือหุ้น
บริษัท อิชิ ตัน กรุ๊ป (ICHI) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้าน หุ้น พาร์1 บาท หรือคิดเป็น 23.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1.3 พันล้านหุ้น พาร์ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 1 พันล้านบาท ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 3,900 ล้าน บาท จะนำไปขยายโรงงานเฟส 2 และเป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจจำนวน 1,400 ล้าน บาท ชำระหนี้เงินกู้กรรมการและสถาบันการเงินจำนวน 2,500 ล้านบาท







