STANLY - ขาย

การเมืองฉุดธุรกิจหดตัวต่อ
ธุรกิจหลักยังชะลอตัว แต่มีรายการพิเศษมาช่วย
ผู้บริหาร STANLY ระบุว่ายอดคำสั่งซื้อในเดือน ม.ค. ยังหดตัวลงและยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ทำให้บริษัทกลับมามุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อพยุงผลประกอบการและรอการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้เราคาดกำไรจากธุรกิจปกติใน 4Q57 (ม.ค.-มี.ค.57) จะชะลอตัวต่อเนื่อง 3% QoQ อย่างไรก็ดีในไตรมาสนี้ STANLY จะมีเงินสินไหมประกันน้ำท่วมงวดสุดท้ายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เข้ามาหนุนทำให้กำไรสุทธิฟื้นตัวดีขึ้น 27% QoQ
ไร้วี่แววการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์
เรายังไม่เห็นการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในประเทศ จากยอดขายเดือน ม.ค. ที่มีแนวโน้มหดตัว 60% เนื่องจากปัญหารถยนต์ค้างสต็อกยังไม่คลี่คลายดีและยังมีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามากดดันต่อ ในขณะที่ภาคการส่งออกยังไม่สามารถเติบโตชดเชยการหดตัวของตลาดรถในประเทศได้ เราจึงคาดว่ายอดผลิตรถยนต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จะยังหดตัว YoY ก่อนที่จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง (ถ้าปัญหาการเมืองจบ) โดยเราคาดยอดผลิตรถยนต์ปี 2557 อยู่ที่ 2.28 ล้านคัน ลดลง 7% YoY
ยังคงคาดกำไรปี 2558 ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
เราคงประมาณการว่าผลประกอบการจากธุรกิจปกติของ STANLY ในปี 2558 (เม.ย. 57 – มี.ค. 58) จะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากการหดตัวของตลาดรถยนต์ในประเทศในช่วงครึ่งปีแรก 2557 และการส่งออกยังไม่สามารถเติบโตมาชดเชยได้ ทำให้รายได้ทั้งปีจะเพียงแค่ทรงตัวที่ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้กำไรจากธุรกิจปกติจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.4 พันล้านบาท
ราคาหุ้นยังไม่ถูก
แม้ว่าราคาหุ้น STANLY จะปรับตัวลงกว่า 24% จากระดับสูงสุดเมื่อปีที่แล้วมากกว่า SET ที่ปรับตัวลงราว 20% แต่ราคาหุ้นยังสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ที่ 10 เท่าซึ่งเป็นระดับปกติของการซื้อขายหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์กับกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2558 ได้เท่ากับ 182 บาท และเรายังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ขาย” ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวเร็วกว่าที่เราคาด คือ ภาคการส่งออกรถยนต์เติบโตดีกว่าคาดเนื่องจากได้ประโยชน์จากการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป







