ยุคแห่งการปฏิรูป "มทร.ธัญบุรี"

สัญญาณการ "ปฏิรูป" ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ออกสตาร์ทเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางบรรยากาศของการแข่งขันกันในเชิง "คุณภาพ" ที่เข้มข้นขึ้น
การปฏิรูปดังกล่าว เกิดขึ้นใน 3 มิติหลักๆ คือ หลักสูตร ผู้สอน/บุคลากร และ ระบบการบริหารงาน
ที่ผ่านมา มทร.ธัญบุรี มุ่งสร้างบัณฑิตนักปฏิบัติ และภายหลังการปฏิรูป จุดแข็งที่มีอยู่เดิมนี้จะยิ่งเข้มข้นขึ้น ผ่านกระบวนการต่างๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นมา ทั้งในแบบกิจกรรม และ หลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร ซึ่งสาระหลักๆ อยู่ที่การมุ่งสร้าง Soft Skill ให้กับบัณฑิตที่จะจบออกไป
"จากนี้อุตสาหกรรมต่างๆ จะไม่ได้มองหาคนเก่งเท่านั้น แต่ต้องการคนที่มี Soft Skill ทั้งเรื่องความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ สู้งาน ตรงต่อเวลา ทำงานร่วมกับคนที่หลากหลายต่างวัฒนธรรม โดยไม่จำกัดเฉพาะทำงานในประเทศไทยเท่านั้น" รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) กล่าว
กระบวนการปฏิรูปหลักสูตรที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ กระตุ้นสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีผ่านกิจกรรม ด้วยการให้นักศึกษาปีที่ 1 จนถึงปีที่ 4 ได้มีสมุดบันทึกกิจกรรมสำหรับแต่ละคนที่ลงไปทำกับชุมชนต่างๆ ตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัดถึงความสนใจของนักศึกษาแต่ละคน พร้อมกับสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติในการใช้ชีวิตได้ในระดับหนึ่ง
การส่งนักศึกษาออกไปฝึกงานทั้งกับผู้ประกอบการในไทย และเตรียมมองหาแหล่งฝึกงานในต่างประเทศเอาไว้ด้วยในอนาคตเพื่อเสริมทักษะการทำงานให้กับนักศึกษา
รวมถึง การสร้างบรรยากาศแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยให้เอื้อต่อกระบวนการเรียนรู้ และทัศนคติที่ดีให้กับนักศึกษา อาทิ ห้องสมุด การมีสัญญาณไวไฟ และล่าสุดกับห้องประชุมเล็ก ที่เรียกว่า Discussion Room ขนาด 5-10 คน ไว้รองรับนักศึกษาได้เข้ามาใช้ทำกิจกรรม ประชุมงาน ติวหนังสือ และอื่นๆ โดยตั้งเป้าว่าทุกๆ คณะที่มีนักศึกษาราว 1,500 คนจะต้องมีพื้นที่เช่นนี้ 1 ห้อง
"ต้องค่อยๆ สร้าง และฝึกเค้าให้มีความเป็นผู้นำ รู้จักรับผิดชอบ และทำงานร่วมกับเพื่อนต่างคณะ พร้อมๆ กับเรียนรู้ที่จะค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง เหล่านี้เป็นแนวทางของการสร้าง Soft Skill ให้กับเด็กๆ ในส่วนของหลักสูตรได้ปรับให้เป็นนานาชาติมากขึ้น โดยให้ทุกคณะต้องมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งทักษะการพูดและฟัง เพื่อให้นักศึกษาเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนเมื่อเรียนจบออกไป โดยกำหนดว่าทุกภาควิชาต้องมีหลักสูตรนานาชาติ อย่างน้อยหนึ่งหลักสูตร เพื่อฝึกนักศึกษาในปัจจุบัน และเปิดรับนักศึกษาอาเซียนมาเรียนที่หลักสูตรนานาชาติ"
ถัดมาเป็นการปฏิรูป "ผู้สอน" วันนี้ มทร.ธัญบุรี มีอาจารย์ผู้สอนในสองกลุ่มหลัก ได้แก่ 980 คน ที่เป็นอาจารย์ที่ทำการสอนในปฏิบัติ กับ อาจารย์กลุ่มใหม่ที่มีดีกรี Ph.D. อีก 150 คน
สำหรับอาจารย์ใหม่ จะต้องผ่านกระบวนการอบรมและปรับทัศนคติ ให้กระบวนการสอนสัมฤทธิ์ผลอย่างที่อยากจะเห็น นั่นคือ สร้างโจทย์ให้นักศึกษาได้คิดผ่านโครงงานต่างๆ และกระตุ้นการค้นคว้านอกห้องให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เร่งสร้างผลงานวิจัยให้ได้อย่างน้อยหนึ่งคนต่อหนึ่งงานวิจัย
เมื่อเป้าหมายอยู่ที่การสร้าง "บัณฑิตนักปฏิบัติ" ในส่วนของอาจารย์ก็ต้องเป็น "นักปฏิบัติ" ด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา มทร.ธัญบุรี สร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหลายแห่งเพื่อเสริมทักษะให้กับทั้ง "นักศึกษา" และ "อาจารย์" ในแนวทางของการเข้าไปปฏิบัตในสถานประกอบการจริงเป็นเวลา 1-2 เดือน เพื่อเรียนรู้ และฝึกให้มองปัญหา ก่อนจะผลิตผลงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ให้กับภาคอุตสาหกรรม
นอกจากการปฏิรูป "หลักสูตร" และ "ผู้สอน" แล้ว การจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ต้องปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานเพื่อเอื้อต่อบริบทที่เปลี่ยนไป
"หากอยู่ในบริบทเดิมๆ การสอนเดิมๆ จะไม่เกิดประสิทธิภาพใดเลย เด็ก(บัณฑิต) ก็ต้องเปลี่ยน ครูที่สอนก็ต้องเปลี่ยน ดังนั้นมหาวิทยาลัยก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเช่นกัน" อธิการบดี กล่าว และว่า ในบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป ใหญ่ขึ้น และหลากหลายขึ้น คนเก่งอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ยังต้องเป็นคนที่ทำงานและใชัชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางบริบทใหม่ๆ ซึ่งการปรับทั้งกระบวนการเรียนการสอน ผู้สอน อีกส่วนสำคัญก็คือ การสร้างกลไกเพื่อเอื้อต่อการบริหารจัดการ
เช่นการจัดตั้ง 3 กองทุนที่สำคัญ ได้แก่ กองทุนวิจัย ซึ่งมีสัดส่วนงบประมาณ 5% ของรายได้ หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อปีไว้สำหรับสนับสนุนการพัฒนางานวิจัย กองทุนที่สองตั้งขึ้นเพื่อพัฒนากิจการนักศึกษา ส่วนนี้ได้จัดสรรงบประมาณไว้ 7-8 ล้านบาทต่อปี สำหรับการส่งเสริมนักศึกษาที่โดดเด่นได้ไปศึกษาดูงาน และแข่งขันในเวทีต่างประเทศ รวมถึง กองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อการพัฒนาบุคลากร และอาจารย์
ที่กล่าวมาเป็นแนวทางที่หวังให้เกิดการสร้างงานวิจัยใหม่ๆ และ สร้างโอกาสให้กับทั้งอาจารย์ และนักศึกษา เพื่อปลายทางแล้วเล็งผลถึง การสร้างผลงานวิจัยที่นำไปใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม พร้อมกับหวังว่าด้วยว่า เมื่ออุตสาหกรรมใดๆ ต้องการองค์ความรู้ หรือผลงานใหม่ๆ จะนึกถึง มทร.ธัญบุรี เป็นลำดับแรก
รวมถึงมองแนวทางการต่อยอดจากบรรดาศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่วันนี้ได้ออกไปเติบโตเป็นผู้บริหารและเจ้าของกิจการ ได้กลับมาร่วมกันพัฒนาร่วมกัน ทั้งถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อการพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ รวมถึงการเข้ามาใช้ผลงานวิจัยซึ่งเป็นผลิตผลจากอาจารย์ และนักศึกษา
ล่าสุดกับการนำเสนอผลงานวิชาการ เนื่องในวันครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัย วันที่ 18- 20 มกราคม 2557 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (คลองหก) อ. ธัญบุรี จ. ปทุมธานี ภายในธีม “เทคโนโลยีล้ำเลิศ ก่อเกิดนวัตกรรม ศิลปวัฒนธรรมก้าวไกล” ในงานประกอบด้วย นิทรรศการ ผลงานทางวิชาการสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม นิทรรศการศิลปะโดย ศิลปินระดับชาติ สัมมนาทางวิชการและอาชีพเพื่อชุมชน การประกวดแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการ กิจกรรมถนนสายวัฒนธรรมและการแสดงพื้นบ้าน การเปิดติวสำหรับผู้ที่สนใจเรียนในสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมกับเปิดบ้านชมศักยภาพการเรียนการสอนของคณะต่างๆ ทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท
โดย กิจกรรมดังกล่าวนอกจากจะโชว์ศักยภาพของนักศึกษาและอาจารย์แล้ว อีกส่วนยังต้องการตอบโจทย์ให้กับศิษย์เก่า และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้เข้ามาศึกษาผลงานใหม่ๆ เพื่อนำไปต่อยอดให้กับกิจการของตัวเอง







