แก๊งต่างชาติดูดข้อมูลเอทีเอ็ม5แบงก์

แก๊งต่างชาติดูดข้อมูลเอทีเอ็ม5แบงก์

40 รายแจ้งความแก๊งต่างชาติใช้สกิมเมอร์ดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม โอนไปต่างประเทศ "กสิกรไทย"แจงกรณีลูกค้าถูกแฮกบัตรเอทีเอ็ม-บัตรเดบิต 5 ธนาคาร

ผู้เสียหาย 20 ราย เข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี วานนี้ (7พ.ย.2556) หลังจากพบว่าเงินในบัญชีธนาคารถูกถอนในต่างประเทศ หลังจากทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็ม บริเวณตึกออลซีซั่นและบริเวณใกล้เคียง โดยก่อนหน้านี้เพียงวันเดียว (6 พ.ย.) มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความลักษณะเดียวกันแล้ว 20 ราย รวมผู้เสียหายทั้งหมด 40 ราย

นางลักขณา วีรกุล อายุ 30 ปี พนักงานบริษัท หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้รับโทรศัพท์จากธนาคารกสิกรไทย แจ้งว่าบัญชีของตนถูกถอนเงินจากนอกประเทศ 9,196 บาท เมื่อวันที่ 6 พ.ย. โดยก่อนหน้านี้ เพื่อนร่วมงานถูกถอนเงินลักษณะเดียวกัน 1.3 หมื่นบาท ตอนแรกไม่เอะใจ แต่เมื่อธนาคารโทรศัพท์มาแจ้ง จึงรีบแจ้งความ ซึ่งบัญชีที่ถูกถอนเงิน เป็นของธนาคารกสิกร สาขา เซ็นทรัลเวิร์ลด โดยที่ครั้งล่าสุด ที่ทำรายการผ่านตู้เอทีเอ็ม วันที่ 26 ต.ค. บริเวณตึกออลซีซั่น และเมื่อสอบถามธนาคาร ปรากกฏว่าเงินที่ถูกถอน ส่งไปยังประเทศยูเครน

นางผกามาศ วิธีธรรม พนักงานบริษัท ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 พ.ย.ได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ บริเวณริมถนน ย่านตึกออลซีซั่น โดยใช้บัตรของธนาคารไทยพาณิชย์ หลังจากนั้นไม่นานธนาคารโทรศัพท์มาแจ้งว่า บัญชีธนาคารมีความผิดปกติ เพราะมีการถอนเงินออกจากบัญชี จากกรุงเคียฟ ต่างประเทศยูเครน 2 หมื่นบาทและเสียค่าธรรมเนียมอีก 100 บาท ทางธนาคารจึงอายัดบัตรไว้ และครั้งที่สอง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ใช้บัตร เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ภายในตึกออลซีซั่น และไม่ถึง 10 นาที เงินในบัญชีถูกถอนไปยังกรุงเคียฟ อีก 1 หมื่นบาท ตนจึงขออายัดบัตร

"ตอนแรก คิดว่าความผิดพลาดน่าจะเกิดจากตู้เอทีเอ็ม และพยายามขอคำตอบจากธนาคารไทยพาณิชย์ แต่พอโดนครั้งที่สองยิ่งมั่นใจว่าถูกแฮ็กข้อมูลจากบริเวณตึกออลซีซั่น สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนถูกฝังชิบไว้ที่หน้าผาก เพราะไม่รู้คนร้ายรู้รหัสได้อย่างไร ทุกวันนี้เกือบหมดตัว จึงอยากให้ตำรวจรีบจับคนร้ายและหาสาเหตุที่เกิดขึ้น"

นายศรชัย ทิดศรี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ได้ใช้บัตรธนาคารทหารไทย ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ แถวอาคารอินทราและเช้าวันต่อมา ปรากฏว่ามีเอสเอ็มเอสของธนาคาร แจ้งว่าตนถอนเงิน 4,000 บาท จึงเข้าแจ้งความ

ขณะที่นางมยุรฉัตร (ขอสงวนนามสกุล ) พนักงานบริษัท ที่ถูกโจรกรรมลักษณะเดียวกัน หลังจากใช้บัตรธนาคารกสิกรไทย กดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ ภายในตลาดนัดโรเล็กซ์ และหลังจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 5-7 พ.ย.มีการถอนเงินไปยังประเทศรัสเซีย 16 ครั้ง มูลค่านับแสนบาท ขณะนี้ได้อายัดบัตรไว้แล้ว

ทางด้าน พ.ต.อ.ไชยยา คงทรัพย์ ผู้กำกับการสน.ลุมพินี กล่าวว่า มีประชาชนเข้าร้องเรียนตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ถึงขณะนี้รวมแล้ว 40 ราย เริ่มต้นจากการสอบปากคำผู้เสียหายพบว่าทั้งหมดได้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้เอทีเอ็มทุกราย และจะอยู่บริเวณย่านตึกออลซีซั่น ตอนนี้ได้ประสานไปยังตัวแทนของธนาคารเพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ

หลังจากนัดเจ้าหน้าที่่ธนาคารมาสอบถาม ปรากฏว่าตอนนี้นรู้ตู้เอทีเอ็มที่เกิดปัญหาแล้ว คือ ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพในตึกอพอลโล บริหน้าตลาดนัดโรเล็กซ์ โดยคนร้ายใช้เครื่องสกิมเมอร์ติดตั้งที่ตู้เอทีเอ็มดังกล่าวและผู้เสียหายส่วนใหญ่ เคยกดเงินที่ตู้ดังกล่าวทุกรายโดย ตอนนี้ธนาคารจะให้ผู้เสียหายที่ถูกแฮกข้อมูลให้นำบัตรประชาชนและใบแจ้งความไปแจ้งยังธนาคารที่เปิดบัญชีไว้เพื่อชดเชยเงินที่สูญหายไป ภายใน 2 อาทิตย์

สำหรับเครื่องสกิมเมอร์ เป็นเครื่องมือที่มิจฉาชีพใช้ดูดข้อมูลจากบัตรเอทีเอมของผู้เสียหาย ใช้วิธีการติดตั้งโดยจะนำเครื่องสกิมเมอร์ไปติดตั้งในช่องเสียบบัตร จากนั้นเมื่อมีผู้เสียหายเข้าไปกดเงินในตู้เอทีเอ็ม เครื่องตัวนี้จะดูดข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมามิจฉาชีพทั้งไทยและต่างชาติใช้วิธีนี้มาอย่างยาวนาน ฝากเตือนประชาชนว่า อยากให้ตั้งข้อสังเกตว่าหากนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินและรู้สึกว่าบัตรจะหนืดและช่องเสียบัตรมีลักษณะเหลือช่องว่างน้อยกว่าปกติ ให้ตั้งข้อสังเกตเลยว่ามีการติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ติดตั้งอยู่

ด้านนายปกรณ์ พรรธณะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตามที่ได้มีการส่งข้อความทางช่องทางต่างๆ ให้งดการใช้บริการทางเครื่อง ATM ของธนาคารกสิกรไทยในช่วงนี้ ธนาคารขอยืนยันว่าลูกค้าสามารถใช้บริการเครื่อง ATM ได้ตามปกติอย่างปลอดภัย

สำหรับกรณีอันเกี่ยวเนื่องจากการคัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็มในครั้งนี้ มีบัตรเดบิต เอทีเอ็ม ของธนาคารกสิกรไทยรวมทั้งบัตรของธนาคารอื่นได้รับผลกระทบ ซึ่งการถูกคัดลอกข้อมูลดังกล่าวเกิดจากเครื่อง ATM 2-3 เครื่องของหลายธนาคาร ในบริเวณถนนวิทยุ

จากข่าวที่ลูกค้าธนาคารถูกถอนเงินจากบัญชีนั้น เป็นกรณีของ ATM Skimming คือ การที่คนร้ายเอาอุปกรณ์มาติดที่ตู้บริเวณที่เสียบบัตรเพื่อคัดลอกข้อมูลแถบแม่เหล็กเพื่อไปทำบัตรปลอม และนำไปถอนเงินในต่างประเทศ ซึ่งปกติเป็นแกงค์ต่างชาติ โดยครั้งนี้มีบัตรของธนาคารต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ 5 ธนาคาร ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย เป็นบัตรเดบิต 117 บัตร ในจำนวนนี้ 38 ราย เสียหาย 2.7 แสนบาท โดยธนาคารในฐานะผู้ออกบัตรจะรับผิดชอบชดเชยให้ลูกค้า พร้อมกันนี้ได้นำภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากตู้ ATM ให้ตำรวจติดตามต่อไป

เมื่อ 5 ปีที่แล้วก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ซึ่งทุกธนาคารได้ติดเครื่องมือป้องกันแล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาของทุกธนาคาร ซึ่ง vendor ก็ต้องมีหน้าที่กลับไปหามาตรการหรืออุปกรณ์ในการป้องกันใหม่โดยทุกธนาคารก็มีข้อตกลงร่วมกันในการช่วยกันสอดส่องดูแลและแจ้งความเคลื่อนไหวทางบัญชีผ่าน SMS ดังนั้น หากลูกค้าพบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติให้รีบแจ้ง call center ของธนาคารเพื่ออายัดบัตร และแจ้งความทันที

ทุกธนาคารให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยธนาคารขอยืนยันและให้ความมั่นใจว่ากรณีเกิดความเสียหายในลักษณะดังกล่าวธนาคารเจ้าของบัตรจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ อีกทั้งสมาคมธนาคารเคยแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังการใช้บัตร เพื่อป้องกันการถูกลักลอบขโมยข้อมูลบนแถบแม่เหล็กและรหัสประจำบัตร โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะใช้วิธีการนำอุปกรณ์มาครอบช่องเสียบบัตร และใช้วิธีซ่อนกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กไว้บริเวณใกล้ตู้ ATM หรือยืนด้านหลังผู้ที่กำลังทำรายการ

ดังนั้น ธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้า ใช้มือบังแป้นคีย์บอร์ดขณะกดรหัส และธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้าสมัครบริการแจ้งความเคลื่อนไหวทางบัญชีผ่าน SMS จะทำให้ทราบความเปลี่ยนแปลงทางบัญชีได้อย่างรวดเร็ว