'บลิสเทล'ดึงมือการเงินนั่งบอร์ด ฟื้นเชื่อมั่น

'บลิสเทล'ดึงมือการเงินนั่งบอร์ด ฟื้นเชื่อมั่น

"บลิสเทล" เปิดตัวคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ ดึงมืออาชีพด้านการเงิน โดยตั้ง"สุรพล โอภาสเสถียร" เอ็มดีใหญ่เครดิตบูโรเป็นประธานบอร์ดตรวจสอบ

บริษัทบลิส-เทล หรือ BLISS ได้ปรับโครงสร้างคณะกรรมการและทีมผู้บริหารใหม่ ซึ่งได้แต่ตั้งนายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล เป็นประธานกรรมการบริษัท นายสุรพล โอภาสเสถียร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ

ขณะเดียวกันมีการแต่งตั้ง นายปิยะณัฐ อรัญญาเกษมสุข เป็นมีประสบการณ์ด้านพิจารณาสินเชื่อ ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เป็นกรรมการตรวจสอบ และนางสาวปิยนันทท์ ปัญญาตรง มีประสบการณ์ทำงานบริษัท เคพีเอ็มจี เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ

นายจักรกฤษณ์ ธนวิรุฬห์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทบลิส-เทล (BLISS) กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้งนายประจวบ ไชยสาส์น นักการเมือง เข้ามาตำแหน่งที่ปรึกษาทางกับบริษัท เพราะบริษัทหันมาเน้นการประมูลงานองค์กรและภาครัฐ ซึ่งอาจจะต้องใช้ความสัมพันธ์และประสบการณ์การทำงานร่วมกับทางราชการ

"การที่มีบุคลากรมืออาชีพด้านการเงิน จะสร้างความเชื่อมั่นในแง่ระบบบัญชีที่มีการตรวจสอบให้เป็นมาตรฐาน และหวังว่าหุ้นของบริษัทจะสามารถเปิดซื้อขายได้ในเร็ววันนี้ ซึ่งปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ได้เอกสารครบถ้วนแล้วรอเพียงให้สำนักงานก.ล.ต.ยืนยันการตรวจสอบงบการเงินทั้งหมดและให้เปิดซื้อขายหุ้นได้"

ภาพรวมการดำเนินธุรกิจ บริษัทมีเป้าจะมีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30% ต่อปี และภายในปี 5 ปีตั้งแต่ปี 2556-2560 จะมีเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และคาดหวังจะติดอันดับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่มีรายได้สูงสุด 1 ใน 100 อันดับแรก

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการต่างๆ ที่อยู่ในมือมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการปีนี้พลิกกลับมามีกำไรได้

สำหรับธุรกิจใหม่ทั้งหมด 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเทเลคอม โซลูชั่น กลุ่มไอที โซลูชั่นและกลุ่มซอฟต์แวร์และดิจิทัล มีเดีย และทั้งสามกลุ่มสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้แล้วทุกกลุ่ม จากเดิมบริษัทบลิสเทล เป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ดและบัตรเติมเงิน และอุปกรณ์เสริมหลายตราผลิตภัณฑ์ โดยผ่าน Blisstel Shop และขายตรงในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทคาดจะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 200 ล้านบาท (งวด 6 เดือนแรกปี 56) ได้หมดในปี 2558

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า จะมีรายได้ในปีหน้าแตะ 2,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากงานในมือที่รอรับรู้รายได้ในปีหน้า 700 ล้านบาท รวมถึงการเดินหน้าเข้าประมูลงานต่างๆ ดังนั้น ภายใน 1-2 ปี จากนี้รายได้น่าจะเติบโตราว 1 เท่าตัว เริ่มจากปีหน้าเป็นต้นไป

ปีหน้าบริษัทคาดว่า จะเข้าประมูลงานแทบเล็ตของภาครัฐมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่จะรับรู้รายได้จากงานในมือเข้ามาราว 1,000 ล้านบาท ซึ่ง 700 ล้านบาท มาจากการส่งมอบแทบเล็ตในเดือน ธ.ค. และคาดว่า จะส่งมอบได้หมดในปีนี้ และอีก 300 ล้านบาท รับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้าประมาณ 180 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นงานที่มาจากการวางระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ

นอกจากนี้ คาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 250 ล้านบาท หมดภายใน 2 ปี (2558) และคาดจะล้างขาดทุนสะสมปีนี้ได้ 100 ล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้ากลับเข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์ได้ทันปีนี้แน่นอน ซึ่งในระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบบัญชีของ ก.ล.ต.

บริษัทบลิสเทลถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย SP NP และ NC ส่วนในด้านผลประกอบการนั้นขาดทุน 2 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2554 และ 2555 ที่ 64.29 ล้านบาท และ 50.40 ล้านบาท ตามลำดับ โดยล่าสุดงวด 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทพลิกมีกำไร 2.21 ล้านบาท เติบโต 105.04% จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 43.80 ล้านบาท