ล้วงลึก'ล็อกซเล่ย์'ทุกรัฐบาลธุรกิจโต

ล้วงลึก "ล็อกซเล่ย์" ทุกรัฐบาลธุรกิจโตได้ ย้ำชุดนโยบายดำเนินธุรกิจ ไม่อิง "การเมือง"
"การทำกำไรขั้นต้นของล็อกซเล่ย์เฉลี่ย 15 % เทียบกับอุตสาหกรรมว่ามากหรือน้อยตอบได้ยาก เพราะธุรกิจมีความหลากหลาย กำไรขั้นต้นแต่ละปีจึงมีการปรับเปลี่ยนตามเป้าหมาย แต่ผมถือว่าเป็นเอกลักษณ์ให้บริษัท ซึ่งหาไม่ได้ในบริษัทอื่น"
เสียงตอบคำถามที่หนักแน่นและเป็นคำตอบที่ชัดเจนในทุกคำถาม ของ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) "ธงชัย ล่ำซำ" ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล บ่งบอกว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้บังเหียนของเขา ความที่เป็นบริษัทมีอายุยาวนาน 74 ปี ทำให้ ล็อกซเล่ย์ พักหลังมุ่งเน้นงานภาครัฐไม่ได้ต้องการให้รายได้และกำไรที่ต้องหวือหวา แต่เน้นเป็นเรือรบการขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น
ทั้งที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์ ถือว่าค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวและไม่ค่อยเปิดหลังบ้านให้เข้าไปอินไซด์มากหนัก ท่ามกลางความสนใจหลังการเติบโตของรายได้และกำไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพุ่งพรวดติดจรวด
ด้วยรายได้ระดับหมื่นล้านบาทต่อเนื่อง กำไรเติบโตก้าวกระโดด ซึ่งปี 2556 ก็คาดว่าจะทำสถิติใหม่อีกครั้งหลังจากครึ่งปีแรกทำกำไรไปแล้ว 482 ล้านบาท เกิน 80% ของกำไรทั้งปี 2555 ที่มีกำไร 526 ล้านบาท เมื่อรวมกับมูลค่างานในมือปีนี้ (BACKLOG) 1.04 หมื่นล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ 50% ที่เหลือทยอยรับรู้ใน 2 ปีข้างหน้า ส่งผลทำให้รายได้ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีรายได้ 1.49 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25%
ส่วนกำไรสุทธิจะเติบโตเช่นเดียวกัน เพราะแค่ครึ่งปีแรกก็เห็นตัวเลขดีมาก ซึ่งไม่น่าจะพลาดการทำสถิติใหม่ในปีนี้
เมื่อผลกำไรเข้าตาขนาดนี้ กลยุทธ์ในการทำธุรกิจก็เป็นอีกปัจจัยที่บรรดานักลงทุนสนใจว่าจะดำเนินไปในทิศทางไหน เพราะที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์มักมีข่าวคราวเข้าไปร่วมในงานภาครัฐอยู่ตลอด และก็เป็นประเด็นฮ็อตอีกต่างหาก ทั้งโครงการหวยออนไลน์ หรือโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท
ภาพรวมของบริษัทมีธุรกิจหลากหลายถึง 4 กลุ่ม แต่กลยุทธ์ปี 2555-2556 มีงานภาครัฐจำนวนมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทมีประสบการณ์จึงทำให้รายได้ส่วนนี้เติบโตค่อนข้างมาก เพราะมูลค่าประมูลที่สูงนั้นเอง
เมื่อเจาะไปยังธุรกิจดังกล่าวถือว่ามีสัดส่วนรายได้ถึง 60% เรียกว่า ธุรกิจวางโครงข่ายไอที-โทรคมนาคม ตั้งแต่ระบบสาธารณูปโภค ระบบทีวีดิจิทัล ไปจนถึงพลังงานทดแทน “ธงชัย ล่ำซำ” ถึงออกปากเลยว่าจะเห็นโครงการพวกนี้อีกมาก เพราะเป็นช่วงที่ภาครัฐมีการลงทุนจากการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต
โดยธรรมชาติของงานประมูลจะกินระยะเวลานาน อย่างโครงการบริหารจัดการน้ำที่บริษัทชนะการประมูล หรือโครงการทีวีดิจิทัลของทาง กสทช. บริษัทให้ความสำคัญเพราะมีความชำนาญในเรื่องระบบสัญญาณและเครื่องส่ง รวมทั้งงานประมูลระบบไอที งานประมูลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ด้านความเสี่ยงต้องยอมรับว่ามีไม่น้อย อย่างการเลื่อนโครงการออกไป หรือปัจจัยทางการเมือง ที่เข้ามากระทบ อย่างกรณีโครงการหวยออนไลน์ ที่ยังมีคดีความกับกองสลากกันอยู่ และการยื่นงานประมูลภาครัฐ ชื่อล็อกซเล่ย์ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะเป็นผู้ชนะโอกาสไม่ได้ก็มี
"มองว่าธุรกิจนี้ต้องอิงกับภาครัฐ ต้องมีการเมืองเข้ามาเกี่ยว ต้องบอกว่าไม่ เพราะธุรกิจหลักและดั้งเดิมคือธุรกิจการค้า ซึ่งยังเติบโตดี เพียงแต่ประเด็นไม่เป็นที่สนใจ เพราะบริษัทไม่ค่อยมาชี้แจง แต่นโยบายดำเนินธุรกิจเน้นตั้งใจไม่อิงการเมือง ไม่อย่างนั้นบริษัทอยู่มา 74 ปีไม่ยืนยาวขนาดนี้ น่ามาจากความชำนาญของบริษัทมากกว่า"
เมื่อไล่ดูงานประมูลภาครัฐปีนี้ ล็อกซเล่ย์ เตรียมกวาดมาตุนเป็น BACKLOG จำนวนมากงานด้านโทรคมนาคม เช่น งาน 3G เฟส 2 ของบมจ.ทีโอที(TOT) มูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท, โครงการสมาร์ทไทยแลนด์มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ,งานปรับปรุงสายส่งของ บมจ.กสท.โทรคมนาคม(CAT) กับ ทีโอทีมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านบาท งานหัวรถจักร มูลค่า 5.6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ธุรกิจการค้าก็ยังถือว่า เป็นอีกธุรกิจ ที่ล็อกซเล่ย์อยู่ในตลาดมานาน และมีศักยภาพขยายตลาดไปยังกลุ่ม AEC เพราะคลอบคลุมสินค้าทั้ง เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง สินค้าและอุปโภคบริโภค
ปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานเพื่อเป็นช่องทางในการขายสินค้าทั้ง ลาว, กัมพูชาและจีน ส่วนพม่าก็มีการตั้งตัวแทนจำหน่าย เพื่อหากโอกาสขยายในอนาคต
โดยตลาดเวียนดามทำธุรกิจเคมีภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภคนำไปจำหน่าย ส่วนในจีน ร่วมมือกับ ซิโนเปก เป็นบริษัทพลังงานขนาดใหญ่เทียบเท่า บริษัท ปตท. จำกัด มีสาขามากที่สุดในจีน นำสินค้าไปจำหน่ายในปั๊มน้ำมัน
ส่วนที่พม่าจะเน้นไปในการเข้าบริหารระบบโครงการสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้าและระบบไอที ไม่ใช่งานประมูล ซึ่งหากบริษัทได้รับข้อเสนอดีก็พร้อมลงทุนได้ เพราะมีพันธมิตรที่อยากลงทุนอยู่แล้ว และยังศึกษากฎหมาย และความคุ้มทุนคาดว่าไม่นานจะเห็นการลงทุนเกิดขึ้น
ส่วนธุรกิจร่วมลงทุนก็จะมีดีลใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอด ที่ผ่านมามีลงทุนร่วมกับ บริติช ปิโตรเลียม ผู้ผลิตสินค้าน้ำมันเครื่องยี่ห้อ คาสตรอล หรือร่วมลงทุนกับ Blue Scope Steel ของออสเตรเลีย ทำธุรกิจเหล็กรีดเย็น วัสดุหลังคา
ในอนาคตดีลอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นโครงการจะไม่ใหญ่มาก เป็นกลุ่ม เอสเอ็มอี จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เช่น จีน, ญี่ปุ่น และเอสเอ็มอีญี่ปุ่น เช่น คาร์คอส เรียกว่าเป็น ผู้นำในตลาดเอสเอ็มอีของญี่ปุ่น ทำธุรกิจซ่อมถังรถยนต์ อยากมาบุกเบิกตลาดในกลุ่ม AEC ใช้ไทยเป็นฐาน และให้บริษัทเป็นพันธมิตร
"รายได้จากการร่วมทุนอาจเติบโตน้อยกว่า ธุรกิจไอที-โทรคมนาคม แต่ก็สร้างรายได้จากเงินปันผลเข้ามาสม่ำเสมอ และมีความมั่นคง จนทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดในระดับสูง สามารถนำไปลงทุนในธุรกิจที่น่าสนใจได้อีกจำนวนมาก เช่นธุรกิจพลังงานทดแทน ที่จะมีเงินลงทุนจำนวนมากกว่าธุรกิจอื่น"
ดังนั้นบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนด้วยการเพิ่มทุน 165 ล้านหุ้นในปีนี้ รองรับไว้ส่วนหนึ่ง บวกกับสินเชื่อสถาบันการเงิน เชื่อว่าน่าจะเพียงพอ
ส่วนใหญ่สนใจธุรกิจพลังงานทดแทน โครงการที่ลงทุนแล้วคือโซลาร์ ฟาร์ม ที่ปราจีนบุรี ประมาณพันล้านบาท และกำลังดูพลังงานทดแทนอื่น ๆ อย่างโซลาร์ รูฟ,ไบโอแมส และน้ำมันจากสาหร่าย หากมีช่องทางก็จะลงทุนทันที เพราะมีพันธมิตรจากต่างประเทศสนับสนุนด้านเทคโนโลยีอยู่แล้ว
เขาทิ้งท้ายว่าแน่นอนราคาหุ้น LOXLEY ที่มักจะขึ้นอิงกับงานภาครัฐ เมื่อมองในแง่ดีก็ถือว่าตอบสนองตลาดดีขึ้น เพียงแต่บริษัทไม่อยากให้มองว่าหวือหวา แต่ควรสะท้อนพื้นฐานมากกว่า และที่สำคัญต้องสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ทำผลประกอบการให้ดีที่สุด จะเป็นหลักการดำเนินธุรกิจ "สไตล์ ล็อกซเล่ย์"







