นำเข้าทอง-ต่างชาติขนเงินกลับ ขาดดุลพุ่ง

นำเข้าทองคำพุ่ง ต่างชาติขนเงินกลับ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดกระจาย
รายงานนโยบายการเงินจัดทำขึ้นเป็นรายไตรมาส โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการเงิน เพื่อสื่อสารแนวคิดและเหตุผลของการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการต่อสาธารณชน และเพื่อเสนอกรอบประมาณการภาวะเศรษฐกิจ และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ชัดเจนและมองไปข้างหน้า ในรายงานนโยบายการเงินเดือนตุลาคม 2556 มีประเด็นขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นจุดกังวลว่าอาจจะเป็นจุดอ่อนทำให้เกิดการโจมตีค่าเงินเหมือนเช่นวิกฤตการเงินในปี 2540 แต่ธปท.ยังมั่นใจว่าไม่น่าเป็นห่วง
"ธนาคารแห่งประเทศไทย" (ธปท.) เปิดเผย รายงานนโยบายการเงิน ประจำเดือน ต.ค.2556 โดยระบุว่า ตั้งแต่หลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ภาพรวมความเคลื่อนไหวของดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยมีแนวโน้มเกินดุลมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ส่งเสริมให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลนั้น มาจากการเกินดุลการค้าเป็นหลัก ต่างจากช่วงก่อนปี 2540 ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยขาดดุลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จากการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ที่มีการนำเข้าสินค้าเพื่อลงทุน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความต้องการลงทุนเพื่อเก็งกำไรสูง รวมถึงการพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศเพื่อการลงทุน
ผลจากพฤติกรรมดังกล่าว ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ปรับสูงกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติ สูญเสียความเชื่อมั่น ต่อเศรษฐกิจไทยและเกิดการโจมตีค่าเงินบาทเกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ ไม่ได้เป็นระบบการปล่อยลอยตัวค่าเงินบาทในปัจจุบัน จนนำไปสู่การภาวะวิกฤติการเงินในปี 2540
แม้ในปี 2555 จนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาขาดดุลได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 สัดส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจะอยู่ที่ 6.7% แต่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ในปัจจุบันนั้นต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 อย่างมาก เนื่องจากการขาดดุลครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนความร้อนแรงของเศรษฐกิจหรือความไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบนี้นั้นเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน
รายงานนโยบายการเงินของ ธปท.ระบุว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบนี้มาจาก ปัจจัยแรกการนำเข้าทองคำสุทธิเพิ่มขึ้นมาก ตามผลตอบแทนจากนักลงทุนให้ความนิยมและหันมาลงทุนทองคำมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการทองคำนั้น มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ตามความต้องการลงทุนทองคำส่วนหนึ่งมาจากภาวการณ์อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวนรุนแรง ส่งผลให้นักลงทุนให้ความสนใจการลงทุนในทองคำมากขึ้น
แต่การนำเข้าทองคำไม่ได้มีผลต่อกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจจริง ทั้งในภาคของการผลิต และไม่ก่อให้เกิดการจ้างงานมากนัก ดังนั้นการประเมินเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจากภาวะดุลบัญชีเดินสะพัดควรพิจารณาจากดุลบัญชีเดินสะพัดไม่รวมทองคำเป็นหลัก หากไม่รวมทองคำเข้าไป ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังคงอยู่ในภาวะเกินดุล สะท้อนความสามารถในการแข่งขันของไทยไม่ให้ลดลงมากนัก
ปัจจัยต่อมานั้น มาจากกำไรและเงินส่งกลับประเทศสูงกว่าปกติ โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 กำไรและเงินส่งกลับประเทศของธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากอานิสงส์ของมาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก ผลักดันให้ผลประกอบการในปี 2555 นั้นออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้นักลงทุนต่างชาตินำส่งเงินและกำไรกลับต่างประเทศสูงกว่าช่วงปกติ
ขณะที่ อีกส่วนหนึ่งของกำไรของธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยที่ไม่ได้ส่งกลับประเทศ แต่นำกลับมาลงทุนในประเทศไทยใหม่นั้น เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการของภาคธุรกิจในปีก่อน แม้การรวมข้อมูลกำไรที่นำกลับมาลงทุน ( Reinvested Earnings) ที่เพิ่มขึ้น นับเป็นรายจ่ายในดุลบริการ ทั้งรายได้ และเงินโอน แต่รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ ไม่ได้มีความน่ากังวลแต่อย่างใด เพราะเป็นกำไรที่ผู้ประกอบการต่างชาตินำกลับมาลงทุนใหม่ในประเทศไทย และไม่ได้ทำให้ดุลการชำระเงินโดยรวมเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงที่เหลือของปี 2556 คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงขาดดุลต่อเนื่อง แต่จะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากไตรมาสที่ 2 จากดุลการค้าที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงสิ้นปีตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ในขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน มีแนวโน้มขาดดุลลดลงจากรายรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง
ประกอบกับการส่งกำไรและเงินปันผลกลับไปยังประเทศของผู้ประกอบการต่างชาติลดลง เนื่องจากผลประกอบการของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์จะลดลงมาตามมาตรการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ที่เริ่มทยอยหมดไป ไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่าน ประกอบกับในไตรมาสที่ 4 ของปีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลจะลดลงตามปัจจัยด้านฤดูกาล
ส่วนความเคลื่อนไหวของดุลบัญชีเดินสะพัดในระยะยาวนั้น ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย จะมีแนวโน้มขาดดุลต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงประกอบกับความสามารถในการแข่งขันของไทยในสินค้าบางชนิดนั้น โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ และแผงวงจรรวม ที่มีทิศทางลดลง จากความนิยมของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความนิยมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ลดลง ทำให้การส่งออกของไทยน่าจะได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าปกติ และการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยนั้นจะมีการเติบโตที่ช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
ต่างกับการนำเข้าสินค้านั้น คาดว่า จะขยายตัวตามแผนการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐบาล ทั้งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ทำให้ประเมินว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยนั้นจะเป็นที่น่ากังวลหรือไม่นั้น สิ่งที่สำคัญ คือ สาเหตุที่ทำให้การขาดดุล หากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเกิดจากปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อภาคเศรษฐกิจจริงและภาคการเงิน อาทิ การนำเข้าเพื่อบริโภคที่อาจจะขยายตัวมากจนเกินไป ทำให้ประเทศต้องมีภาระหนี้สินที่สูงขึ้นจากการพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศในขณะที่การลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำจะเป็นเรื่องที่น่ากังวล
เพราะสาเหตุเหล่านี้ นอกจากไม่ทำให้ประเทศไทยมีการเติบโตในระยะยาวแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินและเสถียรภาพต่างประเทศของไทย ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีก็ถือว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดยังไม่สะท้อนภาวะที่น่ากังวลจนเกินไป รวมถึงปัจจุบันไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการของ ธปท. ซึ่งมีความยืดหยุ่นและช่วยให้ดุลบัญชีเดินสะพัดสามารถปรับตัวได้ตามกลไกตลาด




