หุ้น JUBILE "สวยไม่สร่าง" 5 ปี เด้งทุกส่วน

หนี้ต่ำ รายได้โต ปันผลปีละ 2 ครั้ง เสน่ห์เร้าร้อน หุ้น ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ เมื่อ อัญรัตน์ พรประกฤต การันตีรายได้ 5 ปี โตปีละ 20%
ใช่แล้ว!! “ความงาม” เหล่านี้ ทำให้นักลงทุน Value Investment หรือ VI เกิดอาการ “หลงใหล” หุ้น ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ หรือ JUBILE ของ “วิโรจน์ พรประกฤต” ผู้นำเข้าธุรกิจค้าปลีกในการจำหน่ายเพชร และเครื่องประดับในประเทศไทย ณ วันที่ 30 มิ.ย.2556 บริษัทมีหนี้สินรวม 247.15 ล้านบาท ขณะที่มีสินทรัพย์รวม 794.83 ล้านบาท
นักลงทุนบางรายติดหุ้น “งอมแงม” ถือลงทุนมาตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นได้เพียง 1 ปี (ซื้อขายวันแรกในวันที่ 9 พ.ย.2552 ราคาไอพีโอ 2.80 บาท) โดยเฉพาะ “คเชนทร์ เบญจกุล” อดีตกรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ VI เริ่มต้นด้วยการสอย 1.05 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.62 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันถือหุ้นจำนวน 3.52 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.04 เปอร์เซ็นต์ (ตัวเลข ณ วันที่ 28 ส.ค.2556)
ตามติดด้วย “คณะบุคคลแวลูอินเวสเตอร์ โดย “ขาว-ณภัทร ปัญจคุณาธร” คณะกรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ปัจจุบันถือหุ้นจำนวน 2.25 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.30 เปอร์เซ็นต์ และ “พีรนาถ โชควัฒนา” เซียนหุ้นรายใหญ่วัย 50 ปี ถือหุ้นจำนวน 9.97 แสนหุ้น คิดเป็น 0.58 เปอร์เซ็นต์
“อัญ-อัญรัตน์ พรประกฤต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และในฐานะผู้ถือหุ้น 6.18 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.57 เปอร์เซ็นต์ บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ พูดถึง “ความฮอต” ของหุ้น JUBILE ให้ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week” ฟังว่า นักลงทุนวีไอคงเห็นถึงความเจริญเติบโตต่อเนื่องของเรา และการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2556 บริษัทมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 2.50 เปอร์เซ็นต์
ที่สำคัญเขาคงเห็นว่า เราทำงานจริงจัง และมักคิดถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอด ไม่ได้คิดเฉพาะในมุมของบริษัทเพียงอย่างเดียว แถมแผนธุรกิจของบริษัทยังมีความชัดเจน ส่วนใหญ่เน้นความปลอดภัยและใช้เงินอย่างระมัดระวัง เราตั้งใจบริหารธุรกิจให้เติบโตแบบ “มืออาชีพ” ฉะนั้นจะโฟกัสเพียง “ธุรกิจเพชร” อย่างเดียว “ตระกูลพรประกฤต” ในฐานะหุ้นใหญ่ 60 เปอร์เซ็นต์ จะพยายามคิดและมองทุกอย่าง 360 องศา
“เหตุผลเหล่านี้ คงทำให้วันนี้หุ้น JUBILE กลายเป็นทั้ง “หุ้นเติบโต” หรือ Growth Stocks และ “หุ้นปันผล” หรือ Stock Dividend ในคราเดียวกัน”
ถามถึงกลยุทธ์ธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า (2556-2558) เธอเล่าว่า อยากเห็นบริษัทก้าวสู่ “อินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์” ใครอยากได้เพชรต้องนึกถึงแบรนด์ของ “ยูบิลลี่” จริงๆตอนนี้ก็ติดตลาดแล้วระดับหนึ่ง เพราะเพชรของเรามีคุณภาพ และยังมีดีไซน์สวยไม่เหมือนใครด้วย
หากถามถึงในแง่ของยอดขายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า (2556-2560) บริษัทตั้งใจจะผลักดันให้เติบโตเฉลี่ยปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ผ่านมาเราทำเกิดเป้าหมายตลอด เธอบอกว่า เรามองเห็นอนาคตทางการตลาด!! แบรนด์เราได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เชื่อว่าตัวเลขนี้ไม่น่ามีปัญหา
“อัญรัตน์” ให้คิดตามว่า ยอดขายในสาขาเดิมเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ยังมียอดขายในสาขาใหม่ๆ ที่วางแผนจะเปิดทุกปี อย่างในปี 2556 กะจะเปิดสาขาใหม่ประมาณ 8 สาขา มูลค่าลงทุนเฉลี่ย 7-10 ล้านบาทต่อสาขา เท่ากับว่าสิ้นปี 2556 จะมีสาขาประมาณ 106-108 สาขา เทียบกับก่อนที่มีสาขาทั้งสิ้น 96 แห่ง แถมฐานลูกค้าใหม่ๆ ยังเพิ่มขึ้น ฟังแค่นี้เริ่มรู้สึกมั้ยว่า JUBILE แข็งแรง..
ภายในปี 2556 ฐานลูกค้าใหม่มีโอกาสเพิ่มขึ้นมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากปีก่อน ลูกค้าเริ่มยอมรับแบรนด์เรา หลังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดนใจลูกค้ามากขึ้น เธอย้ำ กลุ่มลูกค้า ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานอายุ 30 ปีขึ้นไป “คุณภาพสินค้าดี นวัตกรรมใหม่ๆของเครื่องประดับน่าจะเป็นสิ่งดึงดูดลูกค้า” “อัญ” เชื่อเช่นนั้น
“3-5 ปีข้างหน้า ตั้งใจจะเพิ่มจำนวนสาขาภายในประเทศให้ได้ 200 แห่ง”
สำหรับแผนขยายตลาดออกไปต่างประเทศ “อัญรัตน์” ยอมรับว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าคงได้เห็น ตอนนี้อยู่ในช่วงของการศึกษา ไม่อยากทำแบบ “สุ่มสี่สุ่มห้า” ล่าสุดกำลังคุยกับพันธมิตรที่เป็นคู่ค้า ซึ่งเขามีช่องทางการจัดจำหน่ายค่อนข้างมาก
ส่วนเรามีความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ ถ้าทุกอย่างโอเค คงไปในแถบเอเซียก่อนเป็นอันดับแรก เพราะพฤติกรรมการสวมใส่เครื่องประดับใกล้เคียงกับเมืองไทย ส่วนแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา การสวมใส่เครื่องประดับยังคงแตกต่างจากบ้านเรา
“ขอไปช้าๆ แต่ชัวร์”
“หญิงสาววัย 33 ปี” เล่าถึงทิศทางผลประกอบการปี 2556 ว่า บริษัทน่าจะมีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้ 1,230 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนหลัง ตามสถิติจะเป็น “ช่วงไฮซีชั่น” โดยเฉพาะไตรมาส 4/56 ยอดขายจะอยู่ในระดับสูงสุด ประจวบเหมาะกับในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกคอลเล็คชั่นใหม่เนื่องในโอกาสวันแม่ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทุกคนไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ไม่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าบริษัท
ในแง่ของอัตรากำไรสุทธิอาจอยู่ระดับ 13-15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 13.5 เปอร์เซ็นต์ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ 14.1 เปอร์เซ็นต์ สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นอาจออกมาไม่ต่ำกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 43.7 เปอร์เซ็นต์ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 41.6 เปอร์เซ็นต์
หลังแจกแจงแผนธุรกิจระยะยาวจบแล้ว “อัญรัตน์” ชื่อที่คุณย่าขอให้พระที่ครอบครัวนับถือตั้งให้ เล่าประวัติชีวิตให้ฟังว่า เราเป็นลูกคนโตจากจำนวนพี่น้อง 3 คน ของคุณพ่อวิโรจน์-คุณแม่สุวัฒนา พรประกฤต หลังเรียนจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 2 คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สักพักใหญ่ๆ มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาโท คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ภาคภาษาอังกฤษมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จริงๆ ตั้งใจจะไปเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศ แต่บังเอิญมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ลองไปสอบเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ตรวจบัญชี บริษัท Price water house coopers สุดท้ายสอบได้และนั่งทำงานอยู่ 2 ปี พับแผนเรียนต่อเมืองนอก..
หลังลาออกเวลาว่างเริ่มเยอะ ในหัวคิดอยากหาอะไรทำตลอดเวลา พอดี “ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์” กำลังขาดพนักงานแผนกต้นทุนพอดี คุณพ่อเห็นว่า เรามีความรู้และเรียนจบด้านบัญชีมาจึงเรียกเข้ามาทำงาน เราทำตั้งแต่ตำแหน่งพนักงานคีย์ข้อมูลต้นทุนและการจัดซื้อ ไปจนถึงนั่งคำนวนต้นทุนบริษัท
ทำงานไปเรื่อยๆจนคุณพ่อเห็นความตั้งใจ ท่านค่อยๆ ขยับเก้าอี้ และเพิ่มระดับงานให้เรารับผิดชอบมากขึ้น “พ่อมักบอกเสมอว่า อย่านั่งทำงานในเก้าอี้ตัวเดียวต้องขยับไปเรื่อยๆ” แรกๆไม่เข้าใจ วันหนึ่งท่านต้องเดินมาบอกว่า มีงานแผนกเกี่ยวข้องกับเพชรจะให้ทำ ท่านเริ่มจากให้เราติดตามเพื่อนคนหนึ่งไปเรียนรู้เรื่องการซื้อเพชร ด้วยการไปเรียนหลักสูตรความรู้ และการตรวจสอบคุณภาพเพชรและเครื่องประดับ จากสถาบันอัญมณีศาสตาร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ GIA
หลังจบหลักสูตร คุณพ่อให้ไปคุยกับ “ซัพพลายเออร์” ความสนุกเกิดขึ้นละ เพราะเราสามารถคุยเรื่องเพชรกับเขารู้เรื่อง จากนั้นก็เลื่อนระดับมาดูแลเพชรที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กะรัตขึ้นไป ก่อนจะขยับไปดูแผนกอื่นๆมากขึ้น ระหว่างที่เราทำงานคุณพ่อเห็นทุกอย่าง สุดท้ายท่านเกิดความวางใจมอบตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ให้เราดูแลจนถึงทุกวันนี้
“ยังมีอะไรอีกมากมายที่อยากลงมือทำ วันนี้บริษัทเพิ่งเริ่มขยายตัว โดยเฉพาะการบริการองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ตราบใดที่สมองยังไม่หยุดคิด เราสามารถคิดสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ “ทุกอย่างไม่มีทางตัน มีทางออกเสมอ”
“หญิงสาวไทยเชื้อสายจีน” บอกว่า พ่ออยู่ในธุรกิจเพชรมาตลอดชีวิต ท่านจะรู้จักทุกกระบวนการของผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านมาบริษัทมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นได้ เพราะ “พ่อ” ทำทุกอย่างตั้งแต่อยู่หน้าร้าน คัดเพชร และขึ้นแบบ ส่วนตัวเองตอนเด็กรับหน้าที่เสริฟน้ำ เช็ดกระจก ล้างแหวนให้ลูกค้า เราทำ เพราะอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอม
“ขอให้คะแนนตัวเอง 7 เต็ม 10 ทุกวันนี้ยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา บางวันเราตัดสินใจถูก แต่บางครั้งก็อาจตัดสินใจผิด ฉะนั้นการที่เราเป็นผู้นำองค์กรต้องคอยหมั่นพัฒนาตัวเอง ทั้งในเรื่องการทำงานและการพัฒนาธุรกิจ” “อัญ” หรือ ผิงอัน ชื่อภาษาจีนที่แปลว่า ความปลอดภัย ประเมินตัวเอง







