"กานต์นิฟวิ่ง"เฟอร์นิเจอร์สุดชิคของอดีตสาวบัญชี

โชว์รูมเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอย รามอินทรา 32 จัดแสดงเฟอร์นิเจอร์เท่ๆ ประกาศความเป็นแบรนด์ “กานต์นิฟวิ่ง” (karniving) น้องใหม่ในตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ดูจากดีไซน์สุดเฉียบ เรียบและเท่ ใช้วัสดุเป็นไม้และเหล็ก ให้อารมณ์ทั้งอบอุ่นและเข้มแข็ง ในสไตล์ที่คนออกแบบบอกเราว่า “โมเดิร์น อินดัสเทรียล” แต่ใครจะคิดว่าผู้เป็นทั้งเจ้าของและนักออกแบบ จะเป็นเพียงสาวร่างเล็ก วัย 32 ปี "กานต์ธีรา วงศ์ถาวร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานต์นิฟวิ่ง จำกัด อดีตสาวบัญชี ที่ผันตัวเองมาเป็นนักออกแบบได้อย่างน่าทึ่ง

กานต์ธีรา เรียนจบจาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นก็เข้าทำงานตามสายที่ร่ำเรียนมาในธนาคารแห่งหนึ่ง แม้ตอนเรียนเธอยอมรับว่าสนุก แต่กับการทำงานจริง กลับสะกิดใจว่าไม่น่าจะใช่งานแบบที่ชอบ

“คนที่ทำบัญชีได้ดี จะต้องเป๊ะ และละเอียดมาก ซึ่งตรงข้ามกับบุคลิกของตัวเอง ที่ออกจะซุ่มซ่าม แต่กลับชอบอะไรสวยๆ งามๆ ชอบงานตกแต่งภายใน ชอบเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ ก็ซึมซัมความชอบแบบนี้มาเรื่อยๆ”

เธอไม่ได้แค่รู้สึกชอบ แล้วปล่อยความฝันของตัวเองทิ้งไป แต่เลือกสร้างความมั่นใจให้สิ่งที่ชอบ ด้วยการใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปลงเรียนการออกแบบพิสูจน์ความชอบของตัวเอง

“ตอนไปนั่งเรียนก็รู้สึกว่า ชอบจังเลย มีความสุขจัง เสาร์-อาทิตย์ กลับเป็นเวลาที่รู้สึกมีค่ามาก ก็คิดว่าคงชอบด้านนี้จริงๆ นั่นแหล่ะ จึงตัดสินใจหยุดทำงานด้านบัญชี เพื่อไปลงเรียนด้านการออกแบบอย่างจริงๆ จังๆ”

เธอกล้าเดินหน้าความฝันของตนเอง แม้จะต้องเปลี่ยนจากงานเดิมชนิดพลิกฝ่ามือ และต้นทุนความรู้ด้านการออกแบบก็เท่ากับศูนย์ กล้าต่อสู้กับคนใกล้ตัว ให้ยอมช่วยเปิดทางเธอไปสู่ถนนเส้นใหม่ มุ่งมั่นไปลงเรียนเติมเต็มความรู้ด้านการออกแบบที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ หรือ CIDI ด้านการออกแบบภายในและผลิตภัณฑ์ (Interior & Product Design) และเลือกฝึกงานในบริษัทออกแบบเพื่อพิสูจน์ว่าอาชีพนี้จะ “ใช่” ตัวเธอแน่ๆ

“ตอนนั้นกลัวว่าเรียนแล้วสนุก แต่พอไปทำงานจริงอาจไม่สนุกเหมือนตอนเรียนบัญชี ก็เลยตัดสินใจไปขอฝึกงานแบบไม่รับเงินเดือนในบริษัทออกแบบ เพื่อไปใช้ชีวิตร่วมกับเขา ปรากฏแตกต่างจากงานบัญชีมาก ที่เลิกงาน 5 โมงเย็นกลับบ้าน แต่งานออกแบบเขาทำงานกันถึงเที่ยงคืน มันเหนื่อยนะ แต่ก็รู้สึกสนุกและอยากใช้ชีวิตแบบนี้”

เมื่อไม่มีเสียงคัดค้านจากหัวใจ หลังเรียนจบจาก CIDI เธอเลยไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการออกแบบ ที่ มหาวิทยาลัย Academy of Art ซานฟรานซิสโก ด้วยการเป็นสถาบันที่เปิดกว้าง รับเด็กที่จบปริญญาตรีจากสาขาใดก็ได้ ขอเพียงมีพอร์ทงานและความมุ่งมั่นตั้งใจจริง จึงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับอดีตเด็กบัญชีอย่างเธอ

ความรู้ที่ขาดหาย ถูกเติมเต็มแล้วในบางส่วน แต่กานต์ธีราก็ไม่ได้บุ่มบ่ามกับเส้นทางใหม่ เธอเลือกไปทำงานด้านออกแบบภายในที่บริษัทสถาปนิกอยู่ 3 ปีเต็ม เพื่อเรียนรู้การออกแบบ ทั้ง โรงแรม บ้าน คอนโด ร้านอาหาร เรียกว่าทำมันมาทุกอย่างแล้ว เวลาเดียวกันก็ได้ลองออกแบบเฟอร์นิเจอร์เพื่อใช้กับงานตกแต่งภายในของตัวเองด้วย

“พอมาทำงานอินทีเรียดีไซน์ ก็จะต้องจัดหาหรือออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้ไปอยู่ในงานด้วย เริ่มได้ออกแบบเฟอน์นิเจอร์เยอะขึ้น ก็รู้สึกชอบ และเริ่มสนใจงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์”

จากความสนใจ ก็ค่อยๆ ลงมือ สร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง แล้วลองให้โรงงานผลิตตามแบบให้ ซึ่งบางชิ้นก็ทำได้ แต่บางชิ้นก็ยังห่างไกลความจริง ก็ค่อยๆ ปรับแต่งกันไป จนได้เฟอร์นิเจอร์สไตล์ “กานต์ธีรา” ที่ประมาณ 10 ผลงาน โดยใช้วัสดุเป็นไม้และเหล็ก ให้ความรู้สึกอบอุ่น ดิบและเท่ โดดเด่นทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่น ตั้งชื่อแบรนด์ว่า “กานต์นิฟวิ่ง” คำสมาสระหว่าง “กานต์ธีรา” ชื่อของเธอ กับ “ลิฟวิ่ง” (living) กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านแบบชิคๆ สไตล์กานต์ธีราในวันนี้ โดยใช้ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท

จากนั้นก็หาเวทีให้สินค้าได้แจ้งเกิด โดยลองไปออกงาน “TIFF 2013”(Thailand International Furniture Fair : TIFF)

งานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ระดับประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

“ทุกคนก็ค่อนข้างตื่นเต้นนะ เพราะงานของเราจะมีดีเทลที่ต่างออกไป อย่างการทำให้ไม้จริงมีความโค้งได้มากๆ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ซ่อนอยู่ในทุกชิ้น อย่างโคมไฟที่ซ่อนกล่องเก็บของได้ ส่วนใหญ่ก็สนใจในเทคนิคที่เราใช้”

แบรนด์น้องใหม่ ตั้งราคาขายตั้งแต่ 6,900 บาท ถึง 25,900 บาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป เน้นคนเริ่มต้นทำงาน เริ่มอยากแต่งบ้าน แต่งคอนโด และต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่าง มีความเป็นยูนีค และเท่ รวมถึงลูกค้าโครงการ และฝากขายผ่านเว็บไซต์ MOXY Street (www.moxyst.com ) เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความต่างอีกช่องทางด้วย

เธอบอกว่า การผลิตสินค้าจะไม่เน้นสะต๊อก ไม่ลงทุนเยอะ มีคำสั่งซื้อเข้ามาถึงจะผลิตให้ และใช้พาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ทำให้ได้เปรียบเรื่องต้นทุน และสามารถตั้งราคาที่ไม่สูงจนเกินไปได้ พร้อมพยายามพัฒนาผลงานใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง โดยออกงานแสดงสินค้าอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง พร้อมกับคอลเลคชั่นใหม่ในทุกครั้ง และตั้งใจที่จะขยายสู่ตลาดส่งออกโดยมองลูกค้าโครงการ เพื่อให้สามารถส่งสินค้าได้ในจำนวนที่เยอะขึ้น ต้นทุนการส่งออกก็จะลดลงไปด้วย

ก้าวสู่เส้นทางใหม่ แต่ความรู้ด้านการบัญชี ก็ช่วยให้เธอสามารถทำธุรกิจได้ดีขึ้น แม้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมาเจอกับความกดดันในฐานะผู้ประกอบการ แต่เธอยอมรับว่า การได้นั่งสเก็ตงานในทุกๆ วัน ก็หล่อเลี้ยงให้การทำงานมีความสุข

“ทุกวันนี้ก็ยังสุขนะ แม้เรื่องของการตลาด และบัญชี เป็นเรื่องที่กดดันพอสมควร จากแค่ออกแบบอย่างเดียว ก็เริ่มมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาเยอะขึ้น แต่การได้ออกแบบงานก็ยังหล่อเลี้ยงให้สามารถทำงานนี้ต่อไปได้ แม้ยังต้องทำบัญชีและตัวเลขเหมือนเดิม แต่ก็เป็นตัวเลขที่มีความสุขขึ้นนะ”

เธอหวังว่าธุรกิจจะยังเติบโต ตามการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังคงมีโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้คนที่เริ่มมีสไตล์ของตัวเอง และต้องการสินค้าที่แตกต่างมากขึ้น

“ตอนนี้เพิ่งเริ่มทำ ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะคืนทุนเมื่อไร แต่ก็ใช้ความสุขขับเคลื่อนไปก่อน พยายามไม่ลงทุนจนเกินตัว อีกธุรกิจที่ทำคือซื้อขายที่ดิน ซึ่งอาจได้เงินมาง่ายๆ สำหรับการทำอสังหาฯ แต่มันไม่เติมเต็ม ต่างจากงานเฟอร์นิเจอร์ที่ทำแล้วเหมือนเติมเต็มหัวใจ พอเต็มก็รู้สึกว่าตัวเองสำเร็จ และอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ถ้าได้เงินด้วยก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มที่อิ่มขึ้น”

ก่อนฝากถึงคนมีฝัน ว่าต้องตั้งใจ และขยัน ยิ่งต้นทุนในงานด้านนั้นอ่อนด้อย ก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ที่สำคัญอย่าบุ่มบ่าม แต่ให้ลองทำในสิ่งชอบ คลุกคลีกับมันดูสักพัก จนมั่นใจก็ค่อยออกมาลุยเต็มที่

เพื่อพิชิตสิ่งที่ฝันได้เหมือนเธอในวันนี้...
“”””””””””””””””””””””

Key to success
สูตรพิชิตความฝันแบบ “กานต์นิฟวิ่ง”
๐ เทคคอร์สสั้นๆ ลองทำในสิ่งที่ชอบ
๐ ลงเรียนแบบจริงจังเติมเต็มจุดอ่อนที่มี
๐ ลองฝึกงานในอาชีพนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า “ใช่” จริงๆ
๐ลองออกแบบสินค้า หาคนผลิตให้ ลงทุนไม่เกินตัว
๐ ตั้งใจ และ ขยัน ใช้ความรักขับเคลื่อนธุรกิจ
..........................................