ขึ้นภาษีเหล้า-เบียร์ 8% วันนี้

ขึ้นภาษีเหล้า-เบียร์ 8% วันนี้

ครม.ไฟเขียวขึ้นภาษีเหล้า-เบียร์-ไวน์ เฉลี่ย 7-8% มีผลวันนี้ ของเข้าแพงมากกว่าที่ผลิตในประเทศ

กระทรวงการคลัง ออกประกาศกฎกระทรวงวันนี้ (4 ก.ย.) ปรับโครงสร้างภาษีอัตราภาษีสุราใหม่ ทำให้ราคาสุราและเบียร์ปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 7-8% และรัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (3 ก.ย.) มีการพิจารณาวาระลับเพื่อพิจารณากฎกระทรวงเพื่อกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีสุราใหม่ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เสนอร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีสุราใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไข พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สุรา พ.ศ. 2493 โดยอัตราภาษีสุราใหม่ จะมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันพุธที่ 4 ก.ย. 2556

"กรมสรรพสามิตจะมีการแถลงข่าวถึงอัตราภาษีที่กำหนดใหม่ในช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ย. อีกครั้ง" แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่ารัฐบาลได้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว แต่นายกิตติรัตน์ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าขณะนี้พ.ร.ก.กำหนดอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ได้มีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปทางรัฐบาลจะได้เสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาได้พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 186 กำหนดไว้ว่าการพิจารณาขึ้นภาษีและอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภาให้ใช้รูปแบบเป็น พ.ร.ก. ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องความลับและป้องกันการกักตุนและป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นของตลาดและผู้บริโภค

ส่วนเหตุผลสำคัญที่ต้องปรับปรุง ภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่เพื่อปรับเพดานการจัดเก็บภาษีขึ้นไปจากเดิมที่มีปัญหาจัดเก็บภาษีจนชนเพดานแล้ว ซึ่งการปรับปรุงใหม่จะทำให้สามารถจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีราคาสูงและมีแอลกอฮอล์สูงได้มากขึ้น และควบคุมสินค้าที่มีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยแต่มีปริมาตรสูง ซึ่งมีลักษณะของการดึงดูดเยาวชนหรือคนหน้าใหม่ให้ดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

"การปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการภาษีเพิ่มขึ้น และไหนๆ ก็อยู่ในช่วงเข้าพรรษา ก็หวังให้มีการบริโภคสุราน้อยลง และจะรู้สึกดีหากรัฐบาลเก็บภาษีในส่วนนี้ไม่ได้หรือเก็บได้น้อยลง"นายกิตติรัตน์ กล่าว

รัฐขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ ไวน์ 7-8%

ด้าน นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในวันที่ 4 ก.ย. นี้ กระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่ของภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที และป้องกันการกักตุนสินค้าราคาใหม่

ทั้งนี้ อัตราภาษีใหม่ไม่ได้มีการปรับขึ้นชนเพดาน 2,000 บาทต่อลิตร แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ตามที่ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.สุราฯ กำหนด แต่จะยึดหลักทยอยปรับขึ้นในอนาคต

"ในครั้งนี้มีการปรับเฉลี่ย 7-8% แต่บางรายการอาจปรับขึ้น 10-15% แต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกมีการปรับขึ้นมากนัก อย่างเบียร์มีการปรับขึ้นเพียง 2-3 บาทต่อกระป๋องเท่านั้น แต่บางรายการก็สูงกว่านี้ เช่น เหล้า โดยเฉพาะสุรานำเข้า"

รายได้เพิ่ม-ขยับเพดานใหม่ขยับ

สำหรับ อัตราภาษีใหม่ จะมีการเก็บภาษีเก็บตามมูลค่าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์และตามปริมาณ โดย เบียร์มีเพดานอัตราภาษีที่จัดเก็บตามมูลค่า 60% และเก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 300 บาทต่อลิตร แต่จัดเก็บครั้งนี้ 48% และ 155 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ส่วนไวน์ เพดานภาษีตามมูลค่า 60% และตามปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 1,000 บาทต่อลิตร แต่อัตราที่จัดเก็บ 36% และ ตามปริมาตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 150 บาทต่อลิตร ดังนั้นจึงมีเพดานขยับภาษีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

สำหรับสุรากลั่น ประกอบด้วย สุราขาว สุราผสม สุราปรุงพิเศษ และสุราพิเศษ มีเพดานภาษีตามมูลค่า 50% และตามปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 400 บาทต่อลิตร โดยอัตราภาษีที่จัดเก็บตามมูลค่า 4-25% และตามปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 145-250 บาทต่อลิตร

อย่างไรก็ตาม หากกรมสรรพสามิตไม่จัดเก็บแบบแรก ก็สามารถจัดเก็บแบบคิดตามปริมาณ โดยคิดจากความแรงของแอลกอฮอล์ หน่วยเป็น บาทต่อลิตรต่อดีกรี โดยเบียร์มีเพดาน 30 บาท แต่จัดเก็บในอัตราใหม่ 80 บาท ไวน์มีเพดาน 300 บาท จัดเก็บอัตราใหม่ 225 บาท ขณะที่สุรากลั่น มีเพดาน 60 บาทต่อลิตร แต่จัดเก็บอัตราใหม่ 40-50 บาท ตามประเภทสุรา

เก็บรายได้เพิ่ม2หมื่นล้าน

แหล่งข่าวจาก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้ จะทำให้รายได้ภาครัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท หรือ ราว 15% โดยประเมินจากฐานรายได้ภาษีเบียร์และสุราในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2554 กรมสรรพสามิต จัดเก็บภาษีเบียร์ได้ทั้งสิ้น 61,998.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.53% ขณะที่ปีงบประมาณ 2555 เก็บรายได้ 64,892.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.52% ส่วนภาษีสุราในปีงบประมาณ 2554 เก็บรายได้ 48,625.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.74% และในปีงบประมาณ 2555 เก็บได้ 53,499.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.02%

"อัตราภาษีเหล้า-เบียร์เพิ่มขึ้นทุกปี หากคิดจากฐานปีที่ผ่านมา รายได้ราว 1.17 แสนล้านบาท การเพิ่มภาษีจะทำให้รายได้ส่วนนี้เพิ่มกว่า 10%"

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขยับเฉลี่ย 7-8%

แหล่งกล่าวว่า กรมสรรพสามิต ได้ทำการศึกษาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ โดยคาดว่าราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่ เพิ่มขึ้น 7-8% อาทิ เบียร์ช้าง ขนาด 330 มล. ราคา 25 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 27.96 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 42 บาท เป็น 46.19 บาท เบียร์สิงห์ ขนาด 330 มล. ราคา 31 บาท เหลือ 30 บาท ขนาด 630 มล. ราคา 56 บาท เป็น 56.06 บาท เบียร์ไฮเนเก้น ขนาด 330 มล. ราคา 40 บาท เป็น 42.07 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 60 บาท เป็น 70.21 บาท

สุราปรุงพิเศษ แม่โขง ขวดละ 100 บาท เป็น 101 บาท รีเจนซี่ ขนาด 175 มล. ราคา 145 บาท เป็น 155 บาท ขนาด 350 มล. ราคา 245 บาท เป็น 255 บาท ขนาด 700 มล. ราคา 500 บาท เป็น 525 บาท จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล ราคา 1,199 บาท เป็น 1,230 บาท เรด เลเบิ้ล ราคา 779 บาท เป็น 860 บาท

ฮันเดรดไพเพอร์ส ราคา 365 บาท เป็น 390 บาท สุราขาว 28 ดีกรี ขวดละ 75 บาท เป็น 77.45 บาท, 30 ดีกรี ขวดละ 80 บาท เป็น 82.70 บาท, 35 ดีกรี ขวดละ 85 บาท เป็น 86.81 บาท, 40 ดีกรี ขวดละ 90 บาท เป็น 90.92 บาท เป็นต้น