'เอฟแอนด์เอ็น'เสี่ยงหลุดตลาดเบียร์พม่า

'เอฟแอนด์เอ็น'เสี่ยงหลุดตลาดเบียร์พม่า

"เอฟแอนด์เอ็น"เสี่ยงหลุดจากตลาดพม่า และธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวของบริษัท

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า หุ้นส่วนของ "เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ" (เอฟแอนด์เอ็น) กลุ่มบริษัทอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของสิงคโปร์ กำลังพยายามเข้าถือครองหุ้นข้างมากในบริษัทร่วมทุนท้องถิ่น เป็นการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้ยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์รายนี้ต้องหลุดจากหนึ่งในตลาดที่มีอนาคตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงในการทำธุรกิจกับบริษัทรัฐวิสาหกิจของพม่า โดยกิจการเอฟแอนด์เอ็น ที่มีนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีไทยถือหุ้นข้างมากอยู่นั้น เป็นผู้ถือหุ้น 55% ใน "เมียนมาร์ บริวเวอรี" บริษัทผลิตเบียร์ท้องถิ่นของพม่า โดยมี "ยูเนียน ออฟ เมียนมาร์ อิโคโนมิค โฮลดิ้ง" (ยูเอ็มอีเอชแอล) ซึ่งเป็นบริษัทของกองทัพพม่า ถือครองหุ้นส่วนที่เหลืออยู่

เอฟแอนด์เอ็น ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่า ยูเอ็มอีเอชแอลได้แจ้งให้บริษัททราบถึงแผนการที่บริษัทจะยื่นอนุญาโตตุลาการ ถึงความเป็นไปได้ในการอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของภายใต้ข้อตกลงร่วมทุน ที่เปิดทางให้บริษัทพม่าซื้อหุ้นจากพันธมิตรถืออยู่คืนมาได้

แถลงการณ์ของเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ บอกด้วยว่า ยูเอ็มอีเอชแอล ออกมากล่าวอ้างดังกล่าวแบบลอยๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน ซึ่งบริษัทมีแผนที่ดำเนินการยืนยันสิทธิของตัวเองให้ถึงที่สุด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงคำกล่าวอ้างดังกล่าวว่าเป็นเรื่องอะไร

เอฟแอนด์เอ็นเหลือกิจการเดียวในพม่า

ทั้งนี้ เมียนมาร์ บริวเวอรี ซึ่งตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2538 เป็นหนึ่งในบริษัทร่วมทุนรายแรกๆ ของพม่านั้น เป็นผู้ผลิตเบียร์ยี่ห้อ เมียนมาร์เบียร์ เมียนมาร์ดับเบิ้ลสตรอง และอันดามันโกลด์ โดยบริษัทแห่งนี้ ถือเป็นธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เหลืออยู่เพียงกิจการเดียวของเอฟแอนด์เอ็น นับตั้งแต่ที่บริษัทขายหุ้นในเอเชีย แปซิฟิก บริวเวอรี ให้กับไฮเนเก้น ผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำของโลกไปเมื่อปีที่แล้ว

รายงานระบุว่า พม่าถือเป็นตลาดเบียร์ที่มีศักยภาพแห่งหนึ่ง ปัจจุบันชาวพม่ามีอัตราการบริโภคเบียร์เฉลี่ยอยู่ประมาณ 3.78 ลิตรต่อคนต่อปี ต่ำกว่าไทยมีอัตราการบริโภคราว 26 ลิตรต่อคนต่อปี และเวียดนามอยู่ที่ราว 30 ลิตรต่อคนต่อปี

แม้ข้อมูลดังกล่าว จะแสดงให้เห็นว่า เมียนมาร์ บริวเวอรี ไม่ได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเอฟแอนด์เอ็น แต่ตลาดพม่าถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ด้วยอัตราการขยายตัวรายปีอย่างแข็งแกร่งที่ 17% ระหว่างปี 2548 ถึง 2553 ซึ่งเอฟ แอนด์ เอ็น เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ในช่วง 6 เดือน นับถึงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ธุรกิจเบียร์ในพม่ามีรายได้ขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลัก

นักวิเคราะห์ชี้กระทบเชื่อมั่น

เอฟแอนด์ เอ็น ซึ่งมีการลงทุนในอีกหลายด้านรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ สิ่งพิมพ์ อาหาร และเครื่องดื่ม ระบุว่า บริษัทกำลังประเมินถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อขัดแย้งกับยูเอ็มอีเอชแอล

นักวิเคราะห์ชี้ด้วยว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ความขัดแย้งระหว่างบริษัทรัฐวิสาหกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพม่า กับหุ้นส่วนต่างชาติ ก็อาจทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

"หากเมียนมาร์ บริวเวอรี ยกเลิกข้อตกลงโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง ก็มีความเป็นไปได้ว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน" นายอาร์วินด์ รามากฤษณะ หัวหน้าภาคพื้นเอเชีย จากเมเปิ้ลครอฟต์ บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงของอังกฤษกล่าว

นักวิเคราะห์รายนี้ กล่าวด้วยว่า พม่ายังไม่เคยมีประวัติของการยื่นเรื่องอนุญาโตตุลาการ หรือมีการบังคับใช้กฎหมายที่เหมาะสม ตามคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศหรือศาลในยุคใหม่แต่อย่างใด

"ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข่าวนี้ไม่มีแนวโน้มที่จะทำให้การลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในพม่าหดหายไปแต่อย่างใด แม้ว่าอัตราการเข้าลงทุนในปีนี้จะชะลอตัวลงก็ตาม" นายรามากฤษณะ ระบุ

นักลงทุนหาช่องเปิดตลาด

แม้ยูเอ็มอีเอชแอล จะขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพพม่า แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า หน่วยงานใด หรือบุคคลรายใด ที่เป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ ทั้งยูเอ็มอีเอชแอลยังคงมีชื่อติดอยู่ในบัญชีดำของกระทรวงการคลังสหรัฐ เพราะมีสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกองทัพ แม้ว่าสหรัฐจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่าไปเมื่อปีที่แล้วก็ตาม

การที่มีธุรกิจ และผลประโยชน์อยู่เป็นวงกว้าง รวมถึง การขนส่ง และการท่องเที่ยว ทำให้ยูเอ็มอีเอชแอล และบริษัทในเครือ ได้รับความนิยมในกลุ่มนักลงทุนจำนวนมากที่หาทางเข้าถึงตลาดเปิดใหม่อย่างพม่า ที่มีประชากรอยู่ราว 60 ล้านคน

กระนั้นก็ตาม ความกังวลถึงประวัติในการทำธุรกิจ และความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐบาลทหาร ทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติ ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ชื่อเสียงในท้องถิ่นของตัวเองด่างพร้อย เพราะมาสัมพันธ์กับยูเอ็มอีเอชแปล

เมื่อปีที่แล้ว การร่วมทุนระหว่าง ยูเอ็มอีเอชแอล และวันเป่า ไมน์นิ่ง ของจีน ต้องตกเป็นเป้าโดนประท้วงอย่างหนัก จาการที่บริษัททั้ง 2 รายนี้ มีแผนจะทำเหมืองทองแดงในพม่า