บำรุงราษฎร์ทุ่มลงทุน5พันล้าน บุกตลาด

บำรุงราษฎร์ทุ่มลงทุน5พันล้าน บุกตลาด

บำรุงราษฎร์ เตรียมงบ 5 พันล้านบาท รุกลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สร้างรพ.ในมองโกเลียพร้อมร่วมทุนกับรพ.เอกชนในพิษณุโลก คาดจบดีลภายในสิ้นปีนี้

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเอช (BH) เปิดเผยว่า ธุรกิจโรงพยาบาล เป็นธุรกิจที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก สำหรับบำรุงราษฎร์แล้วได้เตรียมแผนการลงทุนเอาไว้แล้ว ในวงเงิน 4,000-5,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศนั้น เขากล่าวว่ามีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศมองโกเลีย เพื่อต่อยอดรายได้และการเติบโตของธุรกิจในอนาคต หลังจากพบว่าฐานลูกค้าของบำรุงราษฎร์ส่วนใหญ่มาจากประเทศมองโกเลีย ทำให้โรงพยาบาลสนใจที่จะเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลท้องถิ่นที่มองโกเลีย ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มช่องทางขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงกับมองโกเลียอย่างประเทศจีนมากขึ้น

"ยังไม่มีการสรุปเป็นที่แน่ชัด เพราะเรายังอยู่ระหว่างการศึกษาแผนลงทุน แต่คาดว่าจะศึกษาเสร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับหลักการการเข้าไปลงทุนครั้งนี้
จะเน้นการถือหุ้นใหญ่เพื่อดูแลการจัดการเป็นหลัก แต่ภายใต้กฎหมายของมองโกเลียการถือหุ้นเกิน 51% อาจจะกระทำได้ยาก ดังนั้นเพื่อเข้าบริหารได้เต็มที่
อาจจะใช้วิธีรวบรวมสมาชิกเข้าไปถือหุ้นร่วม เพื่อให้ได้สัดส่วนเกิน 50%"

ส่วนบุคลากรนั้น นายชัยให้ข้อมูลว่าจะเน้นคนในพื้นที่เป็นหลัก เพราะเชื่อว่าคนในพื้นที่จะเข้าใจหลักการให้บริการได้ดีกว่า ในเบื้องต้นคาดว่าใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการลงทุนในประเทศนั้น เขาเพิ่มเติมว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเข้ารวมทุนกับโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดพิษณุโลก คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ เช่นกัน ซึ่งเม็ดเงินลงทุนคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 51%

นายชัย ย้ำว่า การขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดในครั้งนี้ จะเป็นการช่วยเพิ่มฐานลูกค้า โดยกลุ่มคนที่มีรายได้สูงในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก
การนำแบรนด์บำรุงราษฎร์เข้าไปต่อยอดความเชื่อมั่นในการรักษาลูกค้าระดับดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่โรงพยาบาลมากขึ้น และด้วยจังหวะพอดีที่โรงพยาบาลเอกชนในพิษณุโลกต้องการหาพันธมิตร จึงถือเป็นจังหวะเหมาะสมในการขยายธุรกิจ

ประธานกรรมการบำรุงราษฎร์ กล่าวด้วยว่า การเข้าลงทุนข้างต้น บริษัทสามารถถือหุ้นได้เกิน 50% ทำให้มีสิทธิขาดในการบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ ต่างจากกรณีเข้าลงทุนในโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ที่ถือสัดส่วนการลงทุนได้เพียง 24% ทำให้สิทธิในการบริหารมีน้อย ไม่เหมาะกับการเข้าลงทุน จึงจำเป็นต้องขายหุ้นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ทิ้ง เพื่อไปลงทุนที่อื่นแทน

"เม็ดเงินที่นำมาขยายการลงทุนนั้น ได้มาจากการขายหุ้นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท รวมกับเม็ดเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการขยายการลงทุนครั้งนี้" นายชัย กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เมื่อวันศุกร์ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 1 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.13% เมื่อปิดตลาด ราคาปิดอยู่ที่ 89.75 บาท มูลค่าการซื้อขายกว่า 119 ล้านบาท