ดอกถูก7เดือนแรกเอกชนออกหุ้นกู้2.3แสนล.

สมาคมตลาดตราสารหนี้เผย 7 เดือนแรกเอกชนออกหุ้นกู้ 2.32 แสนล้านบาท มั่นใจทั้งปีทะลุ 3.5 แสนล้าน เชื่อแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ หนุนบริษัทแห่ระดมทุน
น.ส.อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (9 ส.ค. 56) มีหุ้นกู้เอกชนออกมาแล้ว 231,876 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทั้งปีน่าจะมีการออกหุ้นกู้ไม่ต่ำกว่า 350,000 ล้านบาท แต่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีการออกหุ้นกู้ทั้งหมด 509,000 ล้านบาท
กลุ่มที่มีการออกมากในปีนี้จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่กระจายไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มลีสซิ่ง อสังหาริมทรัพย์ อาหาร เกษตร ยานยนต์ สื่อสาร พลังงาน เป็นต้น และหากเกณฑ์หุ้นกู้ที่ใช้นับเป็นเงินกองทุนตามเกณฑ์ Basel III มีความชัดเจนออกมาทางกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็คงจะมีการออกหุ้นกู้ออกมาเพิ่มเติมอีกเช่นกัน
และจากการสำรวจดีมานด์ความต้องการออกหุ้นกู้ของบริษัทต่างๆ เองก็ยังมีอยู่ค่อนข้างมาก การออกหุ้นกู้ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ประเมินเอาไว้ และในปีนี้มีบริษัทหน้าใหม่ที่ไม่เคยออกหุ้นกู้เลยมาระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้แล้ว 10 บริษัท ตามเป้าหมายที่ทางสมาคมตลาดตราสารหนี้ตั้งไว้ที่ 10 บริษัทในปีนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยมีทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ 1) บมจ.ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น 2) บมจ.ทีพีไอ โพลีน 3) บจ.บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส 4) บจ.ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) 5) บจ.ซิงเกอร์ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) 6) บมจ.โออิชิ กรุ๊ป 7) บมจ.บางกอกเชน ฮอสปิทอล 8) บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ 9) บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ และ 10) บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์
"จากแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีที่ต่างไปจากช่วงครึ่งปีแรกที่เคยมองว่าดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นแต่ปัจจุบันทิศทางดอกเบี้ยในตลาดไม่ได้เป็นขาขึ้นแต่ทรงตัวและมีโอกาสจะปรับตัวลงได้เช่นกันหากเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวมากกว่าที่คาด ซึ่งน่าจะกระตุ้นให้ทางผู้ออกหุ้นกู้มีความต้องการออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนการเงินที่ถูกเอาไว้ก่อนด้วยเช่นกัน และในแง่ของอัตราผลตอบแทนที่จะให้ก็คงต้องพิจารณาให้มีความน่าสนใจกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วยเช่นกันแต่ตรงนี้ก็ขึ้นกับเครดิตของหุ้นกู้นั้นๆ ด้วย"
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวอีกว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของตราสารหนี้ในตลาดแรกที่มีผู้ออกค่อนข้างมากในขณะที่ตลาดรองอาจจะไม่คึกคักเท่าไรนักจากแนวโน้มของความกังวลเรื่องการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของทางสหรัฐ ที่ทำให้การลงทุนในนักลงทุนต่างชาติในส่วนที่เป็นเม็ดเงินลงทุนใหม่ชะลอตัวลงไปพอสมควร ในส่วนของนักลงทุนผู้มีเงินออมเองปัจจุบันน่าจะมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดี รวมทั้งหุ้นกู้ด้วยเช่นกันเพราะหุ้นกู้ที่ออกมาก็ต้องเสนออัตราผลตอบแทนที่จูงใจนักลงทุนด้วยเช่นกัน โดยหุ้นกู้ของบริษัทหน้าใหม่ในตลาดส่วนใหญ่ก็จะอายุไม่ยาวมาก 1 - 3 ปี เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักของนักลงทุนมากนัก แต่บริษัทที่ออกหุ้นกู้มานานอย่างบริษัทใหญ่ๆ แล้วนิยมที่จะออกหุ้นกู้อายุยาวมากกว่า







