รัฐยันปรับก๊าซหุงต้ม-แลกลดราคาน้ำมัน

รัฐยันปรับก๊าซหุงต้ม-แลกลดราคาน้ำมัน

พลังงานยืนกรานปรับราคาก๊าซหุงต้ม 1 ก.ย. นี้ หวังเพิ่มรายได้กองทุนน้ำมันฯ ช่วยลดราคาน้ำมัน ขู่ร้านค้าและผู้แอบอ้างใช้สิทธิมีโทษทั้งจำและปรับ

แม้การเกิดปัญหาการชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ จะไม่ส่งผลหรือสร้างแรงกดดันรัฐบาลให้ต้องชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน ออกไปจากวันที่ 1 ก.ย. นี้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มของรัฐบาลแต่อย่างใด นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมสัมมนาเรื่อง "ปรับราคาก๊าซLPGก้าวที่กล้าพลังงานไทย" ครั้งที่ 2 วานนี้ (6 ส.ค.)

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไข การใช้สิทธิ วิธีการซื้อก๊าซ และช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิในการซื้อก๊าซหุงต้มในราคาเดิมที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ได้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน และผู้ไม่มีไฟฟ้าใช้ จำนวนประมาณ 7.5 ล้านครัวเรือน ที่จะได้รับสิทธิใช้ไม่เกิน 18 กิโลกรัมต่3 อ เดือน

ให้สิทธิร้านค้า-หาบเร่-แผงลอย150กก./เดือน

ส่วนกลุ่มแม่ค้า ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารทั่วประเทศ ที่มีอยู่กว่า 5 แสนราย ลงทะเบียนแล้ว 1.7 แสนรายนั้น จะได้รับสิทธิไม่เกิน 150 กิโลกรัมต่อเดือน โดยใช้ถังขนาดใดก็ได้แต่ไม่เกินขนาดถัง 15 กิโลกรัม กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยระดมทุกภาคส่วนซักซ้อมในทางปฏิบัติจริงเพื่อจำลองภาพให้เห็นปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเตรียมแนวทางแก้ไขได้ทันที

สำหรับผู้ที่ตกค้างยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถมาลงทะเบียนเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงานเขต องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล พาณิชย์จังหวัด กรมการค้าภายในจังหวัด พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด พลังงานจังหวัด โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 5-30 ส.ค. 2556

นอกจากนี้ มีการระดมความร่วมมือจากผู้ค้าตามมาตรา 7 สมาคมผู้ค้าก๊าซฯ และผู้ให้บริการเกี่ยวกับการจัดส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ ในการจัดระบบการช่วยเหลือผู้มีสิทธิ โดยให้ผู้ค้ามาตรา 7 ร่วมมือในการจัดระบบการค้าก๊าซฯ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถซื้อก๊าซได้ในราคาเดิม โดยแบ่งความรับผิดชอบการสำรองเงินจ่ายตามส่วนแบ่งการตลาด มีร้านค้าก๊าซฯ ในการควบคุมของกรมธุรกิจพลังงานเข้าร่วมโครงการ 3.5 หมื่นร้าน

เพิ่มรายได้กองทุนฯชดเชยลดราคาน้ำมัน

นายณอคุณ กล่าวว่า ผลจากการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน คาดว่าจะลดภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้เดือนละประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่จะนำภาระการชดเชยที่ลดลงดังกล่าว ไปปรับลดราคาน้ำมันให้กับผู้ใช้น้ำมัน ถึงแม้จะเป็นส่วนลดที่ไม่มากนัก แต่ต้องดำเนินการ เพราะที่ผ่านมา กลุ่มผู้ใช้น้ำมันถือเป็นผู้ที่รับภาระในการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือนมาโดยตลอด

ขู่ผู้แอบอ้างใช้สิทธิมีโทษจำคุก

ด้าน นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ผู้ที่มีการแอบอ้างใช้สิทธิ กรมธุรกิจพลังงาน มีระบบที่สามารถจะตรวจสอบได้ และมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับร้านค้าก๊าซ หรือประชาชนที่แอบอ้างใช้สิทธิของผู้อื่น ส่วนร้านค้าก๊าซที่ปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นบทลงโทษ ที่ถือว่ารุนแรงไม่คุ้มต่อการเสี่ยงแอบอ้างใช้สิทธิ หากถูกจับได้

สำหรับการปรับราคาก๊าซแอลพีจีทั้งระบบให้สะท้อนต้นทุนมากขึ้น ในส่วนของก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน จะปรับขึ้นจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึง 24.82 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาอ้างอิงที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ส่วนก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่ง จะปรับจาก 21.38 บาทต่อกิโลกรัม ไปถึง 24.82 บาทต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกัน ส่วนก๊าซแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม จะปรับขึ้นจาก 29.72 บาทต่อกิโลกรัม ไปถึง 30.13 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่อ้างอิงราคาตลาดโลก

กบง.รีดเงินเพิ่ม"เบนซิน-อี20"เข้ากองทุนฯ

ขณะเดียวกัน วานนี้ (6 ส.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) กล่าวว่า ที่ประชุมปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนน้ำมันเบนซินจัดเก็บเพิ่ม 0.30 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 20 กองทุนน้ำมันฯ จ่ายชดเชยเพิ่ม 0.40 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลดลง 0.40 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงราคาดีเซลไว้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะการเงินสุทธิเป็นบวกกว่า 6,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผลจากการปรับอัตราการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ ทำให้ยอดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในส่วนของเบนซิน จากอัตรา 9.70 บาทต่อลิตร เป็น 10 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี 20 เดิมกองทุนฯ ชดเชย 0.90 บาทต่อลิตร เป็น 1.30 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลจากเดิมจัดเก็บเข้ากองทุนฯ 1.30 บาทต่อลิตร เหลือ 0.90 บาทต่อลิตร

การปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงจากเดิมมีรายรับประมาณ 78 ล้านบาทต่อวัน เหลือ 56 ล้านบาทต่อวัน อย่างไรก็ดี กองทุนน้ำมันฯ ยังคงมีฐานะเป็นบวกต่อเนื่อง ณ วันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิเป็นบวก 6,254 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ณ วันที่ 5 ส.ค. 2556 น้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 105.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 3.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ที่เบนซิน อยู่ที่ 116.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดลง 3.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนดีเซล อยู่ที่ 124.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นอกจากนี้ กบง. ยังรับทราบการออกประกาศของกรมธุรกิจพลังงาน เรื่อง “กำหนดชนิด และอัตราหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคำนวณปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2556” สำหรับการปรับเพิ่มอัตราสำรองน้ำมันตามกฎหมายของภาคเอกชน จากเดิม 5% เป็น 6% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2556 ทั้งนี้การปรับเพิ่มอัตราสำรอง ส่งผลให้ผู้ค้ามีต้นทุนเพิ่มขึ้น จึงให้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป