เอราวัณปั้นแบรนด์ 'ฮ็อปอินน์'ตีตลาดบัดเจ็ต

เอราวัณ กรุ๊ป รุกธุรกิจโรงแรมบัดเจ็ต สร้างแบรนด์ใหม่ฮ็อป อินน์ทุ่ม2พันล้าน บุกตลาดภูธร ชิมลางเส้นอีสต์-เวสต์ คอร์ริดอร์ 30 แห่งในปี58
นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิเอราวัณ กรุ๊ป เปิดเผยว่า พร้อมรุกตลาดโรงแรมบัดเจ็ตด้วยการพัฒนาแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ตอบสนองตลาดนักเดินทางเชิงธุรกิจ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักกว่า 85-90% เนื่องจากเห็นช่องว่างของตลาดระดับราคา 500-700 บาทต่อห้องในทำเลต่างจังหวัด ซึ่งสามารถใช้ศักยภาพเดิมของเอราวัณในการเป็นเจ้าของโรงแรมระดับกลาง มาสร้างโอกาสตอบสนองความต้องการเดินทาง โดยจะวางโมเดลเป็นโรงแรมขนาด 79 ห้องในไทย และขนาด 150-200 ห้องในต่างประเทศ เน้นการบริการคุณภาพแต่ขายในราคาราว 600 บาทต่อห้องไปตลอด 4-5 ปีแรกของการเปิดให้บริการ
ทั้งนี้ ตามแผนการพัฒนาแบรนด์ดังกล่าว เตรียมงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทในการเปิดตัว 30 โรงแรมภายในปี 2558 โดยแบ่งเป็น 25 แห่งในไทย และ 5 แห่งในอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2559 กลุ่มโรงแรมฮ็อป อินน์ จะทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ในสัดส่วน 15% ของกำไรทั้งหมด และภายในปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 1 ใน 3 ของ EBITDA หรือทำรายได้คิดเป็นสัดส่วนราว 6-7%
โดยภายในปี 2557 จะเปิดตัว 10 แห่งแรกในไทยก่อนที่ มุกดาหาร, อุบลราชธานี, กาญจนบุรี, หนองคาย, อุดรธานี, ตาก (แม่สอด), นครราชสีมา, ลำปาง, สระแก้ว และอีก 1 แห่งอยู่ระหว่างเซ็นสัญญา ซึ่งยึดตามเส้นทางเศรษฐกิจ “อีสต์-เวสต์ คอรริดอร์” เชื่อมโยงเส้นทางธุรกิจกับกลุ่มประเทศอาเซียน และเมื่อเริ่มเปิดตัวโรงแรมครบ 30 แห่งตามแผน ยังมีแนวคิดจะขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ต่อไป
“จากการศึกษาตลาดด้วยการสำรวจโรงแรมกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศไทย พบว่า โรงแรมระดับกลาง หรือ มิดสเกล ราคา 700-1,300 บาท มีสัดส่วนอยู่ราว 44% ส่วนโรงแรมบัดเจ็ต ราคา 500-700 บาท มีอยู่ 29% ขณะที่เกสต์เฮาส์ ราคา 300-500 บาท มีสัดส่วน 27% ซึ่งทำให้เราเห็นช่องว่างว่า หากสามารถพัฒนาแบรนด์โรงแรมบัดเจ็ตที่มีคุณภาพและมาตรฐานขึ้นมานำเสนอในตลาด ก็จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเซ็กเมนท์อื่น อีกทั้งยังมีผลตอบแทนสูงกว่าแบรนด์ระดับกลางอย่างไอบิส ที่เอราวัณเป็นเจ้าของรวมกว่า 9 แห่งอยู่แล้วด้วย”
ซีอีโอ ดิเอราวัณกรุ๊ป ยังระบุว่า โรงแรมบัดเจ็ตเป็นเซ็กเมนท์ที่แข่งขันไม่สูง และมีความต้องการของตลาดที่แน่นอน โดยเฉพาะลูกค้าประเภทตัวแทนขาย (เซลล์แมน) ที่มีอัตราการเดินทางติดต่อธุรกิจต่างจังหวัดสม่ำเสมอ
สำหรับดิเอราวัณ กรุ๊ป มีโรงแรมในปัจจุบัน 16 แห่ง รวม 3,885 ห้อง โดยตามแผน 5 ปีสิ้นสุดในปี 2558 จะมีโรงแรม 20 แห่ง 5,000 ห้อง ทำรายได้ 6,000 ล้านบาท และหากรวมการพัฒนาแบรนด์ใหม่ฮ็อป อินน์ จะทำให้กลุ่มเอราวัณมีโรงแรมกว่า 50 แห่ง รวมราว 8,000 ห้อง โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 13% ขณะที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยจากทุกโรงแรมเพิ่ม 5% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) เพิ่ม 3% โดยในช่วง 6 เดือนแรก มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80%







