จาฤก กัลย์จาฤก วิสัยทัศน์ คือ "ดีเอ็นเอ" ความสำเร็จ

จาฤก กัลย์จาฤก วิสัยทัศน์ คือ "ดีเอ็นเอ" ความสำเร็จ

"กันตนา" ในยุคของ "จาฤก กัลย์จาฤก" เจ้าตัวระบุว่า "วิสัยทัศน์"มองกว้าง มองไกล คิดไกล เป็นเหมือนดีเอ็นเอของกันตนา ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวอาจหลงทางได้ง่ายๆ สำหรับผู้ที่ไม่เคยไปเยือนรังกันตนาย่านเหม่งจ๋าย รัชดา เพื่อพบกับทายาทรุ่นที่ 2 “เสี่ยตั้ม” หรือ "พี่ตั้ม" ของคนแวดวงบันเทิง “จาฤก กัลย์จาฤก” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทายาทที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนสำคัญในตระกูล "กัลย์จาฤก" ครอบครัวบันเทิงพี่เบิ้มแห่งวงการมายาไทย


จาฤก คือทายาทคนรอง 1 ใน 5 คน ของผู้ก่อตั้ง "กันตนา" คือ “ประดิษฐ์ - สมสุข กัลย์จาฤก” ในบรรดาพี่น้องที่คลานตามกันมา ได้แก่ สิทธิกานต์ กัลย์จาฤก พี่ชายคนโตของครอบครัว (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ดร.ปนัดดา ธนสถิตย์(กัลย์จาฤก) ,นิรัตติศัย กัลย์จาฤก กัลย์จาฤก และ จิตรลดา ดิษยนันทน์ (กัลย์จาฤก) น้องนุชสุดท้อง


จาฤก กล่าวจากภาคภูมิใจว่า กันตนาในวันนี้เติบโตเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม และสร้างคนมามากมาย นับตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมื่อปี 2494 มาถึงวันนี้กันตนามีอายุครบ 62 ปี เป็นเหมือน "พ่อแก่"แห่งวงการไปแล้ว


“กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องยกความความดีความชอบทั้งหมดให้กับคุณพ่อผม คือคุณประดิษฐ์ ท่านเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และสั่งสอนพวกเราลูกๆ ทุกคน ท่านทำตัวเป็นต้นแบบทั้งในทางครอบครัวและธุรกิจ ท่านวางแนวทางให้กับบริษัทจนเรามีวันนี้ได้”


เขายังเล่าให้ฟังถึงความหลังเมื่อครั้งที่ต้องทำงานร่วมกับผู้เป็นพ่อในยุคแรกๆว่า..


“เมื่อก่อนพวกเราทำละครวิทยุ เด็กๆสมัยนี้อาจจะไม่เคยได้ฟัง หรือไม่รู้จักแน่ๆเลย” เขาหัวเราะ และเริ่มเล่าอย่างออกรส


"สมัยก่อนพ่อเป็นรุ่นบุกเบิกละครวิทยุ ในชื่อคณะกันตนา คือ มีแต่เสียงพากย์ที่ต้องเอาไปเปิดตามสถานีวิทยุในสมัยนั้น ตระเวนขายทั่วทุกภาคของประเทศ เมื่อก่อนไม่เข้าใจคุณพ่อว่าทำไมละครเรื่องเดียวกันต้องทำเป็นหลายๆ ภาษา คือมีทั้งภาษากลาง ภาษาเหนือ ภาษาอีสาน และก็ภาษาใต้ ก็ถามพ่อนะทำไมต้องทำให้ยุ่งยากเพราะขั้นตอนการอัดเสียงในยุคนั้นยากมาก เทคโนโลยีไม่ได้ทันสมัยเหมือนทุกวันนี้ ตอนนั้นผมคิดว่าแค่ภาษากลางที่เป็นภาษาราชการก็น่าจะพอแล้ว”


พ่อผมตอบคำถามผมสั้นๆว่า.. “จะเข้าถึงผู้ชมผู้ฟังได้ถึงจิตใจเขา เราต้องเข้าถึงโดยภาษาของเขาเสียก่อน”
เท่านั้น "จาฤก" ก็ถึงบางอ้อ !!


สิ่งที่เขาจดจำไม่มีวันลืมกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเน้นย้ำอยู่ตลอด นั่นคือ "วิสัยทัศน์" ที่ต้องมองกว้าง มองไกล และคิดไกล ธุรกิจจึงจะไปรอด


จากรุ่นบุกเบิกที่วางรากฐานให้รุ่นหลังสานต่อ “กันตนา” ผันตัวเองเข้าสู่จากแวดวงวิทยุสู่วงการโทรทัศน์เต็มตัวเมื่อปี 2501 ความสำเร็จในธุรกิจนี้ กลายเป็นโมเดลที่หลายบริษัทยึดเป็นแนวทาง


อาทิ การยกระดับตัวเองก้าวเข้าสู่สนามบันเทิงต่างประเทศเป็นรายแรกและรายเดียวที่ "กล้า" เดินดุ่มๆ เข้าไปยังตลาดใหม่แบบขอลองเสี่ยงวัดดวงกันสักยก ด้วยการหอบเอาละครโทรทัศน์ยอดฮิตหลายๆ เรื่องในยุคนั้นใส่เสียงภาษาต่างประเทศ คือ เวียดนาม และกัมพูชา ไปขาย ไปจนถึงการ ต่อยอดจากละครวิทยุในภาษาท้องถิ่นครบ 4 ภาคของไทย มาสู่ภาษาต่างประเทศ


“ละครโทรทัศน์ในไทย เราทำออกมาได้ดังมาก ดังเป็นพลุแตกเลย เลยมองว่าประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ ไทยนี่รสนิยมในการดูละครก็คงไม่แตกต่างจากเราเลยเลือกเรื่องที่ดังๆ ในไทยไปทำตลาด ที่เวียดนามและกัมพูชาปรากฎว่าได้รับความนิยมมาก และปัจจุบันเราเองก็มีบริษัทร่วมทุนอยู่ใน 2 ประเทศนี้ จะว่าไปแล้วเราไปอาเซียนก่อนใคร” จาฤก ยิ้ม

ในยุคของ "ประดิษฐ์" กันตนาขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านสื่อบันเทิงอย่างสมศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจด้วยเครือข่ายงานที่ครอบคลุม ทุกๆด้านทั้งการผลิต การให้บริการด้านงานเครื่องมือต่างๆ ความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีสำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ ก่อนที่ลูกๆ ทั้ง 5 คนจะขอให้ผู้เป็นพ่อวางมือเพื่อให้มีเวลาพักผ่อน

มาถึงปัจจุบัน กันตนาเข้าสู่ยุคที่ 3 ภายใต้การนำของจาฤก


โดยยุคเก่า ถือเป็นยุคสมัยของการบุกเบิก ช่วงปี 2494 -2519 ต่อมาถึง "ยุคกลาง" ตั้งแต่ช่วงปี 2523-2541 เป็นยุคที่ถือว่ากันตนามีความเป็นผู้นำในวงการสื่อบันเทิงแท้จริงด้วยการที่บริษัทมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับ World Class ที่ครบวงจรที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ก่อนจะเข้าสู่ "ยุคที่ 3" ตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมาถึงปัจจุบันเป็นยุคที่กันตนาเติบโตก้าวกระโดด มีบริษัทลูกเกิดขึ้นมามากมายนับเป็นสิบบริษัท และยังเป็นยุคที่เจนเนอเรชั่นที่ 3 รุ่นลูกๆ ของบรรดาทายาทรุ่นที่ 2 เข้ามามีบทบาทในการบริหารงานมากขึ้น


เช่น ทายาทของจากฤก อย่าง เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก (ชือเดิมกันตะ กัลย์จาฤก) นั่งเก้าอี้ผู้บริหารกันตนาในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาสื่อแนวใหม่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและกิจการต่างประเทศ และยังเป็นศิลปินนักร้อง

ขณะที่ทายาทอีกสองคนคือ กัลป์ กัลย์จาฤก และ นรรฐพร กัลย์จาฤก เข้ามาทำงานเบื้องหลังขึ้นแท่นผู้กำกับหนังห้องหุ่นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ และดูแลรายการ เช่น มือปราบพิศวง


กันตนา กัลย์จาฤก ลูกสาวคนสวยคนที่ 2 ของ "สอง" วจี อรรถไกลวัลวที และ สิทธิกานต์ กัลย์จาฤก ที่อยู่เบื้องหลังดูแลกระเป๋าเงินให้กับทางบริษัท


ด้าน คหบดี และ รฤกฤกษ์ กัลย์จาฤก ก็ยังทำงานอยู่ในวงการบันเทิงเช่นกัน โดยทั้งคู่เป็นลูกชายของ รสริน จันทรา และ ต๊ะ- นิรัตติศัย กัลย์จาฤก บอสใหญ่แห่งค่าย ป๊าสั่งย่าสอน ที่แยกตัวออกมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง


ปัจจุบันกันตนาก้าวเข้ามาอยู่ในยุคองค์กรอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ Creative Industry มีโครงสร้างธุรกิจหลักๆ ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ กลุ่มธุรกิจภาพยนตร์ กลุ่มธุรกิจการศึกษาและการจัดกิจกรรม และอีกหนึ่งธุรกิจคือ กลุ่มธุรกิจเกมส์ โดย 2 กลุ่มหลังเป็นธุรกิจน้องใหม่ของกันตนา


“กลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ ถือเป็นกลุ่มที่ทำรายได้สูงสุดในตอนนี้ สัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 45-50% รายได้เฉลี่ยปีหนึ่งๆ ประมาณ 1,000 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจภาพยนตร์ ที่มีสัดส่วนรายได้ 10% ลดลงไปเยอะมากจากเมื่อก่อน รายได้เหลือราว 500-600 ล้านบาท เพราะฟิล์มแล็ปของเราก่อนหน้านั้นยังไม่ได้ปรับมาเป็นระบบดิจิทัล ทำให้รายได้หายไปเยอะปีนี้ ถ้าเราเปลี่ยนแล้วน่าจะทำรายได้มากขึ้น ส่วนกลุ่มธุรกิจการศึกษาและการจัดกิจกรรมรายได้น้อยมาก 3-4% ประมาณ 10 กว่าล้านบาท และ กลุ่มธุรกิจเกมส์ไม่ต้องพูดถึงเพราะเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่ทำรายได้เท่าไหร่”


ในอนาคตอันใกล้นี้วงการโทรทัศน์ไทยจะมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงโฉมไปตลอดกาลทันทีที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่โลกแห่งยุค "ทีวีดิจิทัล"


จาฤก มองว่า จะเป็น "ประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่" ของวงการโทรทัศน์ไทยที่จะต้องจดจำช่วงนี้ต่อไปและเล่าขานกันไม่รู้จบ และเมื่อเวลานั้นมาถึงกันตนาก็พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับกระแส แต่ไม่ได้หมายความถึงการกระโดดเข้าสู้สมรภูมิประมูลทีวีดิจิทัล เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปแย่งประมูลใน 24 ช่องรายการ


จับแนวคิดของคิดของเขา จาฤกวางตำแหน่งของบริษัทไว้เป็น Content Provider ทันที่ที่เปิดประมูลทีวีดิจิทัลทั้ง 24 ช่อง


เขาเองเชื่อว่าหลายๆ รายการต้องวิ่งเข้าหาผู้ผลิตคอนเทนต์กันจ้าละหวั่น กันตนาจึงมีช่องทางที่จะเติบโตได้ในแง่ของรายได้อย่างต่อเนื่องไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าประมูลแต่อย่างใด

“เราไปรอดแน่นอนแม้ไม่ได้เข้าประมูลทีวีดิจิทัล” เขากล่าวอย่างมั่นใจ