'เป๊ปซี่'เลิกผลิตกระป๋อง เปิดตัวไซส์สลิม

"เป๊ปซี่" ยกเลิกไลน์ผลิตกระป๋องไซส์เดิม 325 มล. พร้อมทุ่มงบ 70 ล้านบาท เปิดตัวแพคเกจจิ้งใหม่ "กระป๋องสลิม" ไซส์เล็ก 245 มล.
นางเจษฎากร ธนาธิป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมภายใต้แบรนด์ เป๊ปซี่ มิรินด้า เซ่เว่นอัพ เป๊ปซีแม็กซ์ และน้ำดื่มอควาเลส เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้หยุดสายการผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มอัดลมแบบกระป๋อง ขนาด 325 มล. ราคา 14 บาท ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว โดยแผนธุรกิจหลังจากนี้ จะหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตรูปแบบไซส์เล็ก หรือรูปแบบกระป๋องสลิม ขนาด 245 มล. ราคา 12 บาท เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาสิ่งใหม่ๆ และยังเป็นขนาดที่กำลังพอเหมาะกับการดื่ม
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้หันมาทำสินค้าไซส์เล็ก เพราะเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ ประกอบกับพฤติกรรมการบริโภคน้ำอัดลมในปัจจุบัน นิยมดื่มรูปแบบของของขวดเพ็ท เพราะมีความสะดวกในการบริโภค ขณะที่บรรจุภัณฑ์รูปแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ได้รับความนิยมสูง โดยมีสัดส่วนในตลาดถึง 70% โดยแบ่งเป็นขวดเพ็ท 85% อีก 10% เป็นรูปแบบกระป๋อง และที่เหลือ 5% เป็นขวดแบบวันเวย์ ส่วนขวดแก้ว มีสัดส่วน 30% และในอนาคตจะถูกแทนที่จากขวดเพ็ทและกระป๋อง
พร้อมกันนี้เป๊ปซี่ยังได้ทุ่มงบ 70 ล้านบาท เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ “เป๊ปซี่ กระป๋องสลิม” รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ขนาด 245 มล. ภายใต้แนวคิด”เป๊ปซี่ สลิม แคน เท่ ซ่า” ด้วยรูปแบบดีไซน์ลวดลายสไตล์ใหม่ป๊อปอาร์ต ด้วยการพิมพ์รูป “บียองเซ่ “ลงบนกระป๋องซึ่งถือเป็นพรีเซ็นเตอร์เป๊ปซี่ โกลบอล วางจำหน่ายเพียง 3 เดือน ตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค. 2556 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด โดยเริ่มทดลองตลาดมาแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ราคากระป๋องละ 12 บาท
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวกระป๋องสลิม สำหรับแบรนด์มิรินด้า ทั้งน้ำส้ม น้ำแดง และเซเว่นอัพ ซึ่งเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว และเป๊ปซีแม็กซ์ ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. นี้ โดยจะอาศัยช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกช่องทางโมเดิร์นเทรด และเทรดิชั่นัลเทรด หรือร้านค้าปลีก รวมถึงตัวแทนจำหน่าย 29 แห่ง
ขณะที่ความพร้อมของกำลังการผลิตรูปแบบกระป๋อง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000 กระป๋องต่อนาที จากโรงงานในจ.ระยอง โดยเริ่มเดินสายการผลิตที่ 6 หรือกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระป๋องมาก่อนหน้านี้ ขณะที่สายพานที่ 7 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเดินสายการผลิตได้ในช่วงเดือน พ.ค. นี้ และคาดว่าสายการผลิตที่ 8 จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ สิ้นปลายปีนี้ ปัจจุบันเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งการตลาดในช่องทางโมเดิร์นเทรด 40% ถือเป็นผู้นำในตลาดน้ำดำ ที่ขายผ่านช่องทางนี้







