กฟผ.ดันโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่แก้ไฟดับ

กฟผ.ดันโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่แก้ไฟดับ

กฟผ.แจงศึกษาโรงไฟฟ้าถ่านหินในกระบี่แก้ไฟดับระยะยาว เป็นหลักประกัน-ลดความเสี่ยง ใต้ไฟฟ้าดับ

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วานนี้ (21 พ.ค.56) เมื่อเวลา 18.52 น. เกิดปัญหาไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเชื่อมโยงจากภาคกลางไปสู่ภาคใต้ ช่วงจอมบึง-บางสะพาน 2 ขัดข้อง ทำให้ กฟผ.ไม่สามารถจ่ายำฟฟ้าจากภาคกลางสู่ภาคใต้ได้

ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สายส่งที่จ่ายไฟฟ้าไปยังภาคใต้มี 4 เส้น คือ สาย 500kV จำนวน 2 เส้น และสาย 230 kV จำนวน 2 เส้น โดยในช่วงเช้า เวลา 8.00 น. ของวันเกิดเหตุ กฟผ.ได้ปลดสายส่ง 500 kV จำนวน 1 เส้น เพื่อทำการซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม ในเวลา 17.26 น. สายส่ง 500 kV เส้นที่ 2 เกิดการชำรุด คาดว่าเกิดเนื่องจากฟ้าผ่า ทำให้ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าลงภาคใต้ได้ จึงจำเป็นต้องจ่ายไฟฟ้าผ่านสายส่งเส้น 230kV ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ทำให้สายส่งจ่ายไฟฟ้าเกินกำลัง ส่งผลให้สายส่งหลุดจากระบบ

ประกอบกับ จากการที่ภาคใต้ ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอ และต้องพึ่งพาการส่งไฟฟ้าจากภาคกลาง ผ่านสายส่งดังกล่าว โดยความต้องการใช้ไฟฟ้า ณ วันที่ 21 พ.ค.56 มีสูงถึง 2,200 เมกะวัตต์ ในขณะที่มีโรงไฟฟ้าภาคใต้เดินเครื่องอยู่ 1,600 เมกะวัตต์ ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นในภาคใต้ อาทิ โรงไฟฟ้าขนอม โรงไฟฟ้าจะนะ และโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชชประภา ถูกปลดออกจากระบบโดยอัตโนมัติ เพื่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า

กฟผ.ได้เร่งแก้ไขสถานการณ์สู่สภาวะปกติแล้ว ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทุกโรงในภาคใต้อย่างเต็มกำลังการผลิต รวมทั้งยังเดือนเครื่องผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันดีเซลที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและทางมาเลเซียได้ส่งไฟมาช่วยอีก 200 เมกะวัตต์ทำให้สามารถจ่ายไฟให้ประชาชนได้ทั้งหมดเมื่อเวลา 23.00 น.

"กฟผ.ขออภัยประชาชนต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบสายส่งไฟฟ้าภาคใต้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก"

ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวอีกว่า ปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 6 ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายฝั่งอันดามัน ขณะที่ระบบผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต้องพึ่งการส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางบางส่วน แต่ระบบส่งที่ส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปยังภาคใต้ มีลักษณะเป็นคอขวดตามภูมิประเทศในช่วงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบส่งไฟฟ้าค่อนข้างสูง ดังนั้น กฟผ.จึงมีแนวทางในการพัฒนาโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่ภาคใต้และขยายระบบส่งเพิ่มขึ้น ได้แก่ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะแห่งที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างและจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ในปี 2557 และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมโครงการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ากระบี่ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้า รวมทั้งการปรับปรุงระบบส่งให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นหลักประกันและลดความเสี่ยงต่อระบบไฟฟ้าให้แก่ภาคใต้ในระยะยาว