รพ.จุฬารัตน์เข้าเทรดตลาดหุ้น16พ.ค.

รพ.จุฬารัตน์เข้าเทรดตลาดหุ้น16พ.ค.

โรงพยาบาลจุฬารัตน์ เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 16 พ.ค.นี้ หลังระดมทุน 1.3 พันล้านบาท ขยายกิจการ-เป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป โดย CHG ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ภายใต้กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา โดยมีสาขาให้บริการรวม 10 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาล 3 แห่ง และสาขาสถานพยาบาลและคลินิกอีก 7 แห่ง

CHG มีทุนชำระแล้ว 1,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 880 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 220 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 8 – 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ CHG เปิดเผยว่า “มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ CHG มีความโดดเด่นในการให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางหลายด้าน อาทิ คลินิกศัลยกรรมมือและกระดูก ศูนย์ผู้ป่วยวิกฤติทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง และศูนย์รักษาโรคหัวใจครบวงจร ในปี 2555 มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าประกันสังคม เท่ากับร้อยละ 55 และ 45 ตามลำดับ เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำมาขยายโรงพยาบาลและพื้นที่ให้บริการ ลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน อุตสาหกรรมในเขตชานเมืองกรุงเทพ และภาคตะวันออก และการเปิดเสรีการค้า (AEC) ในอนาคต”

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CHG 3 รายแรก ได้แก่ กลุ่มพลัสสินทร์ ถือหุ้น 40.69 % กลุ่มปัญญาพล ถือหุ้น 25.49% และคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ถือหุ้น 3.72% ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน การกำหนดราคา IPO ของ CHG ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 20.69 เท่า เมื่อคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2555 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully diluted) ซึ่งเท่ากับ 1,100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.30 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทหลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่นๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ้นกับแผนการลงทุน ฐานะการเงิน และความจำเป็นอื่นๆ ในอนาคต