ไทย-ลาวแถลงการณ์ร่วมยกระดับจุดผ่านแดน

ไทย-ลาวแถลงการณ์ร่วมยกระดับจุดผ่านแดน

ไทย-ลาว เตรียมออกแถลงการณ์ร่วม ยกระดับจุดผ่านแดน เตรียมใช้ Single Stop Inspection และ ACMECS Single Visa เพื่อความร่วมมือด้านศก.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.ในวันนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศได้เสนอให้ครม.เห็นชอบ ร่างแถลงการณ์ร่วม การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม อย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว (Joint Cabinet Retreat - JCR) ครั้งที่ 2 ณ.รร. เลอเมอลิเดียน จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 พ.ค. 2556

ร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว จะเป็นการลงนาม โดยในฝ่ายรัฐบาลไทย คือ นาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ และ ฝ่ายรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)คือ นาย ทองลุน สีสุลิด รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน

ทั้งนี้ ร่างแถลงการณ์ฯ ดังกล่าว จะเป็นการแสดงเจตนารมณ์ และผลักดันขยายความร่วมมือ ในด้านต่างๆ ดังนี้ 1 .ความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเร่งรัดการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนให้เสร็จลุล่วงโดยเร็ว โดยฝ่ายไทย ได้เป็นเจ้าการจัดประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOM) ภายใต้คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-ลาว (JBC) เมื่อวันที่ 1 -3 พค. 2556 และจะเป็นคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-ลาว (JBC) ครั้งที่ 9 ในเดือนสิงหาคม 2556

การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยทั้งสองฝ่ายยืนยันทั้งจะร่วมมือ ตรวจตราสอดส่องและป้องกันการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่ออีกประเทศ ซึ่งหากพบเบาะแส หน่วยงานความมั่นคงของทั้งสองฝ่ายจะแจ้งประสานงานกันอย่างรวดเร็ว โดยไทยยืนยันนโยบายที่ไม่ให้กลุ้มบุคคลใดใช้ประเทศไทยเป็นที่พักพิงหรือวางแผนก่อความไม่สงบหรือต่อต้านรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งสปป.ลาว

แรงงานและการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันในการป้องกันและปราบปรามการล่อลวงเด็กและสตรีเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ โดยให้จัดตั้งช่องทางติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ฝ่ายไทยแดสงความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาแรงงานลาวผิดกฏหมายที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยครม.ไทยได้มีมติ ขยายเวลาการดำเนินงานของศูนย์ ONE STOP SERVICE เพื่อให้บริการในการพิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวออกไปอีก 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. 56 นอกจากนี้ ฝ่ายไทยมีความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกเรื่องการนำเข้าแรงงานลาวที่ถูกกฏหมายตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน ปี 2545 ด้วย

การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญต่อปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาคุกคามต่อสังคมและการพัฒนาของทั้งสองปผระเทศและภูมิภาคโดยรวม และมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยได้ประกาศเจตนารมย์ร่วมที่จะยกระดับความร่วมมือความร่วมมือในการป้องกันปัญหายาเสพติด ปราบปรามผู้กระทำผิด นำส่งผู้หลบหีการจับกุมลงโทษคดียาเสพติดและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด โดยเห็นควรจัดตั้งช่องทางติดต่อระดับสูงเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและสั่งการได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่ฝ่ายสปป.ลาวจะเพิ่มการตั้งจุดตรวจสกัด นอกจ่ากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันหาแนวทาวใช้ประโยชน์จากโครงการพระราชดำริที่ไทยได้จัดตั้งในสปป.ลาวและส่งเสริมการพัฒนาทางเลือกให้มากยิ่งขึ้น

การประกาศเปิดจุดผ่านแดนไทย-ลาว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ประเทศไทยได้ประกาศยกระดับจุดผ่านแดนจำนวน 2 แห่ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 19 พค. 2556 ดังนี้

1. การยกระดับจุดผ่อนปรนภูดู่ บ้านม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ เป็นจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ โดยฝ่ายลาว จะยกระดับด่านท้องถิ่นบ้านผาแก้ว เมืองปากลาย แขวงไชยะบุลี เป็นด่านสากล เมื่อการก่อส้รางถนนบ้านผาแก้ว -ปากลายเสร็จในช่วงกลางปี 2557

และ 2. การยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านสบรวก อำเภอเชียงราย เป็นจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ โดยฝ่ายลาวได้เปิดด่านสากลสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้วไปแล้วเมื่อเดือนกค. 2555

2.ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การอำนวยความสำดวกในการผ่านแดน ครม.ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงทางโครงส้รางพื้นฐานต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาค จึงเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหาความล่าช้าในการเดินทางผ่านแดนและคึวามแออัดของการสัญจรบริเวณจุดผ่านแดนสำคัญๆ อาทิสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 (หนองคาย -เวียงจันทน์) ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งว่าการดำเนินการเรื่อง Single Stop Inspection (SSI ) ได้ผ่านกระบวนการทางกฏหมายภายในของไทยแล้วและจะพร้อมมีผลบังคับใช้เร็วๆนี้ และได้เตรียมการในฝั่งไทยเพื่อปรับปรุงพื้นที่จุดผ่านแดนและเส้นทางคมนาคมต่อเนื่อง นอกจากนี้ ฝ่ายไทยเก็บค่าล่วงเวลาและปรับปรุงกระบวนการการชั่งน้ำหนักรถบรรทุกให้รวดเร็วขึ้น

การใช้ประโยชน์จากเส้นทางถนนหมายเลข 8 และ 12 ทั้งนี้ ไทยและสปป.ลาว ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะหาวิธีใช้ประโยชน์จากเส้นทางดังกล่าวอย่างเต็มที่และร่วมกันหาทางส่งเสริมการพัฒนา เศษฐกิจ การค้า และการลงทุน เพื่อให้สปป.ลาวได้รับประโยชน์จากการใช้เส้นทางดังกล่าวซึ่งฝ่ายไทยจะส่งเสริมภาคเอกชนไทยให้ไปลงทุนบริเวณเส้นทางดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและฝ่ายลาวจะอำนวยความสำดวกและปรับปรุงการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เสินทางดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน

ACMECS Single Visa ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคและเห็นรว่าการตรวจลงตราอย่างเดียว (ACMECS Single Visa -ASV.) เป็นแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการส้รางรายได้ในภูมิภาคและอาเซี่ยนโดยรวมได้ ซึ่งฝ่ายลาวจะพิจารณาข้อเสนอของไทยเรื่องการร่วมใช้การตรวจลงตราเดียว และจะแจ้งฝ่ายไทยเรื่องกำหนดเวลาที่พร้อมจะเข้าร่วม