แบงก์กรุงศรีลั่นปีนี้ ชิงเค้กไมโครไฟแนนซ์

แบงก์กรุงศรีลั่นปีนี้ ชิงเค้กไมโครไฟแนนซ์

แบงก์กรุงศรีลั่นปีนี้บุกตลาดไมโครไฟแนนซ์ กรุงศรีฉวยจังหวะแบงก์ใหญ่เข้าไม่ถึงรากหญ้า พร้อมตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอี 3.2 แสนล้านในปี"59

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ปีนี้ กรุงศรี กรุ๊ป ได้ผลัดเปลี่ยนผู้นำองค์กรแบบกะทันหัน "เจนิส แวน เอ็กเคอเรน" ขึ้นมานั่งตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และดูแลธุรกิจทั้งหมดของกรุงศรี กรุ๊ป จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ที่ เอ็กเคอเรน เข้ามาเรียนรู้บริหารงานใหม่ที่ใหญ่กว่ากับภารกิจต้องต่อยอดขยายงานเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจของกลุ่ม

ในโอกาสครบไตรมาสแรกของการบริหารงานในฐานะซีอีโอหญิงคนแรกของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เอ็กเคอเรน ได้ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" เพื่ออัพเดททิศทางการทำธุรกิจของกรุงศรี กรุ๊ป ในปี 2556 โดยยอมรับว่าเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เร็วมาก และเธอวุ่นอยู่กับการกำหนดเป้าหมายการเงินปีนี้ และความท้าทายทางธุรกิจสำหรับเธอคือให้แน่ใจว่าได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่ใช่ เป็นสิ่งธนาคารเน้นให้ความสำคัญอย่างที่สุด

"ตอนนี้เราดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง จะทำแคมเปญใหญ่ขึ้นเพื่อลูกค้า และพยายามทำเพื่อให้ได้ลูกค้ากับส่วนแบ่งธุรกิจมากขึ้น หลังจากปีก่อนนำเสนอ 2 ผลิตภัณฑ์สะเทือนตลาด ในปีที่แล้วเราเสนอเงินออมมีแต่ได้กับออมทรัพย์จัดให้ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้ดอกเบี้ยผลตอบแทนสูงขึ้น สามารถถอนได้ไม่ถูกปรับหรือคิดค่าธรรมเนียม ยืดหยุ่นให้ลูกค้ามาก ขณะเดียวกันช่วยต้นทุนแหล่งทุนของแบงก์มั่นคงขึ้น ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ช่วยให้เราได้ลูกค้าใหม่มากขึ้น ตอนนี้มีมากกว่า 1.65 แสนบัญชีสำหรับเงินฝากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าประสบผลสำเร็จมาก" เอ็กเคอเรน ให้ข้อมูล

เอ็กเคอเรน บอกว่า ธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอผลิตภัณฑ์แปลกใหม่สะเทือนตลาด (Big Bang) อย่างต่อเนื่อง หลังพบว่ามีคนไทยมากมายที่ไม่มีประวัติและความรู้พื้นฐานการเงิน หรือทำอย่างไรให้พวกเขาเข้าถึงเงินทุนที่จำเป็นต้องได้ เพื่อใช้ประโยชน์ทำธุรกิจและได้รับการปกป้องคุ้มครอง

"เราเห็นโอกาสทำธุรกิจ ด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์สะเทือนตลาด สามารถช่วยคนได้ด้วย คือผู้กู้สามารถกู้เพิ่มได้ สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เงินฝากได้ด้วย เป็นเรื่องสะดวกมากและง่ายแก่การเข้าใจ ถือเป็นเรื่องดีมีโอกาสเสนอผลิตภัณฑ์พร้อมให้ความรู้การเงินในโครงการต่างๆ ที่จะได้ยินจากเรามากขึ้นปีนี้ ทั้งให้ความรู้การเงิน ให้คนไทยสามารถตัดสินใจอย่างชาญฉลาด บริหารเงินของพวกเขาเองและบริหารธุรกิจตัวเองเดินหน้าต่อไปได้ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นอยากจะทำ แต่ขอไม่บอกรายละเอียดในเวลานี้" เอ็กเคอเรน อธิบาย

เธอย้ำว่า มองเห็นโอกาสที่จะช่วยและทำธุรกิจกับกลุ่มคนรากหญ้า ซึ่งเป็นส่วนที่ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งยังเข้าไม่ถึง แต่การเข้าถึงคนระดับล่างสอดรับกับความชำนาญเชี่ยวชาญเป็นพิเศษของกลุ่มคือมีธุรกิจหลากหลาย เครือข่ายสาขาทำธุรกิจรายย่อยของกลุ่มก็มีอยู่มาก และก่อนหน้านี้กรุงศรี กรุ๊ปเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับกลางแล้ว ตอนนี้กลุ่มได้วิเคราะห์คนระดับล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อาจจะยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อ

"กรุงศรี ยังอยู่บนเส้นทางเพื่อเข้าถึงคนระดับล่างตอนนี้ สามารถนำเสนอบริการต่างๆ แก่คนไทยทุกคนได้ในระยะยาว เรามีโอกาสมากมายที่เพิ่มมูลค่า ปล่อยกู้อย่างรับผิดชอบให้ผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น ใช้ประสบการณ์ทำธุรกิจคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ในไทยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดสินเชื่อมีคุณภาพ ให้แน่ใจว่าผู้บริโภคจะระวังกับการมีหนี้มากเกินไป การนำเสนอผลิตภัณฑ์สะเทือนตลาดให้มากขึ้นปีนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนไทยระดับล่างตื่นตัวรับข้อมูลความรู้การเงินด้วย"

เอ็กเคอเรน ยกตัวอย่างศรีสวัสดิ์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ กรุงศรี กรุ๊ป ซื้อกิจการมา เป็นธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ที่ประสบความสำเร็จมาก สามารถให้สินเชื่อมากขึ้นแก่ผู้บริโภคภายใต้แบรนด์ศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ โดยใช้รถจักรยานยนต์ รถปิกอัพ รถแทรกเตอร์ มาขอสินเชื่อ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน (collateral) โดยผู้กู้อาจยังไม่มีประสบการณ์ใช้บริการธนาคาร ไม่เคยสร้างหรือพัฒนาประวัติความน่าเชื่อถือทางการเงิน แต่กรุงศรีกรุ๊ปนำเสนอการปล่อยกู้อย่างรับผิดชอบ สามารถช่วยลูกค้ากลุ่มนี้ปรับปรุงกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยปัจจุบันศรีสวัสดิ์มี 250 สาขาทั่วไทย ซึ่ง เอ็กเคอเรน บอกว่าทางกลุ่มจะขยายสาขาศรีสวัสดิ์ให้ได้มากกว่า 300 สาขาในปีนี้

"ลูกค้าคนหนึ่งเป็นแม่ค้าขายผลไม้ ทีมงานเราได้พูดคุยกับเธอถึงรูปแบบธุรกิจ สิ่งที่เธอทำทุกวันและทุกอย่างที่เธอขาย ดูเงินสดต้นทุนกับอุปทานหรือความต้องการขาย การให้สินเชื่อช่วยให้เธอสามารถเพิ่มเงินสดหมุนเวียน และช่วยให้มูลหนี้ลดลงมากผ่านการชำระคืนหนี้ทุกวัน และชำระคืนหนี้ได้เร็วขึ้น ตอนนี้เธอมีเงินสดหมุนเวียนเป็นบวก สามารถเพิ่มจำนวนแผงลอยขายผลไม้ได้มากขึ้น ดังนั้นเงินสดหมุนเวียนที่ดีและมากขึ้นจึงสร้างโอกาสมากมายให้ลูกค้ารายนี้"

เอ็กเคอเรน ยังมองถึงโอกาสการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ว่า จะทำให้กลุ่มสามารถเพิ่มมูลค่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ขยายสาขากับธุรกิจรายย่อยและไมโครไฟแนนซ์อย่างศรีสวัสดิ์ในลาว ซึ่งเป็นตลาดที่กรุงศรีกรุ๊ปมองว่าเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในอาเซียนด้วย

เมื่อถามถึงเป้าหมายการเงินของกลุ่มปีนี้ปรับเปลี่ยนหรือไม่ เอ็กเคอเรน เชื่อว่ากลุ่มยังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง ทั้งนำเสนอบริการที่ดีให้ลูกค้า แต่ยังให้ผลตอบแทนดีมากแก่ผู้ถือหุ้น เธอมองเป้าการเงินที่วางไว้สมเหตุสมผลแล้ว จากคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 5% เธอคิดว่ากรุงศรี กรุ๊ปจะทำได้ดีกว่าจีดีพีประเทศเล็กน้อย จึงตั้งเป้าสินเชื่อรวมไว้ที่ 12% ซึ่งสมเหตุสมผลสำหรับอำนาจซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และยังรองรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เป็นบวกมากขึ้น

ทั้งนี้ กรุงศรี กรุ๊ป ยังอยากคงสัดส่วนธุรกิจเพื่อผู้บริโภคหรือรายย่อยไว้ที่ 50% และอีก 50% เป็นธุรกิจขนาดกลางถึงเล็ก (เอสเอ็มอี) และ คอร์ปอเรท รวมกัน และปีนี้กลุ่มจะเน้นทำธุรกิจกับลูกค้าเป็นผู้บริโภคมากขึ้น เธอย้ำว่าผลิตภัณฑ์เพื่อรายย่อยที่เคยสะเทือนตลาดปีที่ผ่านมาช่วยให้สัดส่วนธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50%

ขณะเดียวกัน "สยาม ประสิทธิศิริกุล" ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่าธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มธุรกิจขนาดกลางถึงเล็ก หรือ เอสเอ็มอีให้ได้ 3.2 แสนล้านบาท ภายในปี 2559 จากปัจจุบันที่ระดับ 1.8 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารกรุงศรีอยุธยา รั้งอันดับ 5 ธนาคารปล่อยกู้เอสเอ็มอีสูงสุด ขณะที่ 3 อันดับแรกธนาคารปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีมากสุดปัจจุบัน คือ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารกรุงไทย ตามลำดับ

สยาม บอกด้วยว่า เป้าหมายการขึ้นอันดับ จะใช้กลยุทธ์หาพาร์ทเนอร์ช่วยจับคู่ธุรกิจระหว่างเอสเอ็มอีด้วยกัน และช่วยลูกค้าเอสเอ็มอีขยายเครือข่ายผ่านกิจกรรมการดำเนินธุรกิจเชิงลึกขึ้น และมุ่งเน้นที่ธุรกิจบริการสุขภาพกับชิ้นส่วนยานยนต์ และการให้ความสำคัญอันดับแรกกับเอสเอ็มเอ็มอี เพราะธุรกิจเอสเอ็มอีกับเอสเอ็มอีรายเล็กให้อัตราผลตอบ 8-9% เทียบกับอัตราผลตอบแทนจากธุรกิจขนาดกลางที่ 5-6% โดยปีก่อนการปล่อยกู้เอสเอ็มอีรายเล็กขยายตัว 24% การปล่อยกู้ธุรกิจขนาดเล็กโต 21% และธุรกิจขนาดกลาง 15% และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายติดท็อปทรีใน 4 ปีข้างหน้า ธนาคารจะต้องทำอัตราเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีต่อปี ให้อยู่ที่ 15%