ชัยยงค์ คชพันธ์พ่อค้าเห็ดทอด สู่ เถ้าแก่เงินล้าน

เปิดมุมคิดชัยยงค์ คชพันธ์อดีตพ่อค้าเห็ดทอดเด็กแนวสู่ธุรกิจสแนคเพื่อสุขภาพ ผู้เรียนรู้บทเรียนจากความผิดพลาด สู่ธุรกิจที่....พลาดไม่ได้
ผู้บริหารวัย 30 ปี ผิวคมเข้มอย่างหนุ่มใต้แท้ๆ “ชัยยงค์ คชพันธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เห็ดทอดนาโหนด ฟู้ดส์ จำกัด เขาคือเจ้าของผลิตภัณฑ์ ผักและเห็ดชุบแป้งทอด แบรนด์ “เห็ดทอดนาโหนด” และ “เฮลโลเวจจี้” ขนมข้าวกล้องสังข์หยด แบรนด์ “เจ้าสัวนัท” ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในตลาดของฝากและสแน็ค มีรายได้หลักสิบล้านบาทในวันนี้
13 ปี ก่อน ใครผ่านไปแถวสถานีรถไฟพัทลุง คงคุ้นตาดีกับภาพ พ่อค้าเด็กแนว ที่เปิดเพลงเรียกแขกสุดสนุก เด็กหนุ่มไม่ได้ขายของที่ดูเท่เข้ากับวัย แต่กลับเป็น “พ่อค้าเห็ดทอด” ที่อาจดูแปลกเพราะยังไม่มีใครทำในยุคนั้น
“ผมเล่นดนตรีอยู่วงโยธวาทิตของโรงเรียน พอตอนม.5 อยากหารายได้พิเศษช่วงปิดเทอม เลยไปขายเห็ดทอด”
การทำงานพิเศษเป็นเรื่องสนุกสำหรับวัยรุ่นอย่างเขา ต้นทุนสำคัญในตอนนั้น คือ ที่บ้านซึ่งอยู่ในอำเภอนาโหนด จังหวัดพัทลุง ทำฟาร์มเห็ดขายมากว่า 30 ปี แน่นอนว่าเมื่อมีวัตถุดิบอยู่เต็มบ้านก็ไม่ต้องมองหารายได้อื่นไกล ขายเห็ดทอดนี่แหล่ะ มาบวกกับความมีหัวการค้าตั้งแต่เด็ก เพราะแผงเห็ดทอดของเขาไม่เพียงเปิดเพลงเรียกแขก แต่ยังมีบริการตัดให้ชิมฟรี ขณะที่รสชาติก็อร่อยเหาะ จนเห็ดหน้าสถานีรถไฟขายดิบขายดี ชนิดแขกไปใครมาพัทลุงเป็นต้องแวะชิมเห็ดทอดของเขา
หลังเรียนจบด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขาจึงไปพัฒนาเห็ดทอดนาโหนด ให้ก้าวไกลกว่าแผงขายเห็ดทอด เป้าหมาย คือ ผลักดันเป็นสินค้าโอทอปแถวหน้าของเมืองไทย..แต่ดูท่าถนนสายเห็ดไม่ได้ง่ายดั่งใจเขา
"อุปสรรคหลักของเรา คือ ไม่มีต้นแบบ ไม่รู้จะก๊อปปี้วิธีการจากใคร ตอนเริ่มทำจึงต้อง ขายครึ่ง ทิ้งครึ่ง”
ชัยยงค์ บอกจุดเริ่มต้นธุรกิจ ที่ต้องจ่ายค่าการเรียนรู้เป็นของเหลือทิ้ง เมื่อต้องมาทำในสิ่งใหม่ที่ไม่มีต้นแบบให้เรียนรู้ จะทอดแบบไหน ยืดอายุแบบไหน บรรจุซองอย่างไร ให้เก็บได้นานๆ ขณะที่ยังคงรักษารสชาติอร่อยเหมือนทอดสดๆ ไว้ได้
“ทิ้งไปเยอะจริงๆ ส่วนหนึ่งเพราะไม่อร่อย บางทีก็แข็งมากๆ จนเราพัฒนาสูตรแป้งที่ไม่อมน้ำมันและวิธีทอดที่เหมาะสมขึ้นมาได้ แต่ก็ยังติดตรงไม่สามารถยืดอายุหรือทำให้คุณภาพนิ่งได้อีก จนได้เข้าร่วมโครงการของศูนย์บ่มเพาะ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีที่ปรึกษามาช่วย จนสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้ถึง 3-6 เดือน”
จุดอ่อนถูกเติมเต็ม ของเก็บได้นาน ก็ขายได้ไกลขึ้น ตลาดของฝากเริ่มขายดิบขายดี แต่อุปสรรคก็มีมาท้าทายอีกครั้ง !
“ของฝากขายได้แค่ฤดูท่องเที่ยว หมดหน้าเที่ยวยอดก็ตกลงไปด้วย”
นั่นเองที่จุดประกายความคิด ให้ผู้บริหารหนุ่ม คิดพัฒนาเห็ดทอดนาโหนดสู่ของกินเล่น (Snack) เพื่อขายให้ได้ทั้งปี และมองช่องทางร้าน เซเว่นอีเลฟเว่น ตลาดหลักของสินค้าสแน็ค เป็นหนทางแจ้งเกิด !
จะทำขนมกินเล่นเข้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้คุณภาพจะสอบผ่าน แต่ต้นทุนวัตถุดิบยังสูงลิ่ว เรียกว่าถ้าดื้อแพ่งจะขายเห็ดทอดเพียวๆ บรรจุซอง ก็คงทำราคาถูกให้เหมาะกับร้านเซเว่นฯ ไม่ได้ ที่มาของการพัฒนาสู่ชุดผักเท็มปุระ พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เฮลโลเวจจี้” ขายในราคาซองละ 20 บาท โดยทำตลาดกลุ่มเดียวกับสแน็คเพื่อสุขภาพ อย่างสาหร่ายและธัญพืชอบกรอบ ที่คาดว่ามีมูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท
“เราใช้เวลาเกือบสองปี ปรับปรุงโรงงาน จนเริ่มมีสินค้าตัวแรกวางขายในเซเว่นอีเลฟเว่น ประมาณกลางปี 2554 ตอนนั้นยังวางในรูปของฝาก เริ่มที่เซเว่นฯ ภาคใต้ก่อน พอขายดี ทางทีมงานเซเว่นฯ เลยบอกว่าน่าจะขยายทั่วประเทศได้ เราเลยคิดแพคเก็จจิ้งใหม่ ในขนาด 20 บาท และเริ่มวางในเซเว่นทั่วประเทศ ต้นปี 2555”
ปัจจุบันเห็ดทอดนาโหนด ฟู้ดส์ ยังรักษาฐานที่มั่นทั้งในตลาดของฝาก และร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 6,000 สาขาทั่วประเทศ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6 แสนซองต่อเดือน โดยรายได้ 60% มาจากร้านเซเว่นฯ เขายอมรับว่า ช่องทางนี้เป็นจุดเปลี่ยนของเห็ดทอดนาโหนด เพราะสามารถขยับรายได้จากเดือนละ 1 ล้านบาท มามีรายได้เดือนละ 3-4 ล้านบาทได้
โดยปีที่ผ่านมามีรายได้รวมนับ 40 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าจะขยับรายได้เพิ่มเป็น 5 ล้านบาทต่อเดือน หรือแตะ 60 ล้านบาทได้ในสิ้นปีนี้!
“ช่องทางเซ่เว่นฯ เป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจ แต่สินค้าที่ขายเข้าเซเว่นฯ กำไรค่อนข้างน้อย แต่ชื่อเสียง และความเป็นแบรนด์ที่ได้มันตีมูลค่ายากมากและเป็นมูลค่าที่จะไปต่อยอดข้างนอกได้อีกมาก” เขาบอกข้อแลกเปลี่ยนที่มองว่าคุ้มค่า
การทำธุรกิจที่เล่นกับ “วัตถุดิบธรรมชาติ” เป็นเรื่องยากเรื่องหิน เพราะต้นทุนวัตถุดิบราคาขึ้นลงทุกวัน ขณะสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนก็กระทบกับผลผลิตอยู่มาก วิธีคิดของพวกเขา จึงต้องพัฒนาไปพร้อมผลิตภัณฑ์ที่วัตถุดิบมีไม่จำกัด อย่างขนมข้าวกล้องสังข์หยดของพัทลุง ซึ่งเป็นจุดเด่นของจังหวัดและวัตถุดิบก็มีอีกมาก รวมถึงในอนาคต ก็จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเห็ดสกัด และเครื่องดื่มจากเห็ดเพิ่มเข้ามาด้วย เพราะจะทำให้เพิ่มมูลค่าได้มากกว่ากลุ่มของกินเล่น
รวมถึงในอนาคต ก็มองที่จะขยายไปสู่ธุรกิจฟาร์มท่องเที่ยว โดยเปิด “ฟาร์มเห็ดแหลมทองนาโหนด” ของครอบครัวบนพื้นที่ 7 ไร่ 40 โรงเรือน ซึ่งอยู่มานานกว่า 30 ปี จนมีความเชี่ยวชาญ และสามารถกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้คนได้ พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือ เห็ดทอดนาโหนดฟู้ดส์ หวังสร้างรายได้ให้กับธุรกิจอีกมากในอนาคต
จากสองมือเล็กๆ ที่ทอดเห็ดขายอยู่หน้าสถานีรถไฟ วันนี้สองมือเดียวกันนั้น กุมกิจการเห็ดที่จำหน่ายไปทั่วประเทศ เมื่อธุรกิจเล็กๆ ผลิตในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ต้นทุนโดยรวมก็ลดลง สามารถควบคุมคุณภาพได้ง่ายขึ้น จากทีมงานเพียงไม่กี่คนก็มามีทีมตรวจสอบคุณภาพ แบ่งฝ่ายการทำงานเป็นระบบมากขึ้น จนเข้าสู่ยุคที่เขาเรียกว่า “พลาดไม่ได้”
“พอทำธุรกิจในระดับนี้จะเกิดคำว่า “พลาดไม่ได้” ขึ้นมา เพราะคุณภาพเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังมาก ถ้าเราพลาดเรื่องคุณภาพจะเสียหายอย่างมาก ในกรณีที่รุนแรงอาจต้องหยุด หรือเรียกคืนสินค้า แต่เราไม่เคยโดนนะ เพราะยังไม่เคยพลาด”
ความเข้มงวดเรื่องคุณภาพ จึงเป็นหลักยึดในยุคที่ “พลาดไม่ได้” ซึ่งอุปสรรคที่แวะเวียนมาให้เรียนรู้ตลอดเส้นทางช่วยสอนวิชายุทธ์ให้ผู้บริหารอย่างเขา จนกลายเป็นคู่มือธุรกิจฉบับเห็ดทอดนาโหนด ฟู้ดส์ อย่าง การทำธุรกิจต้องแบกรับความรู้สึกของลูกค้าไว้ให้ได้ ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของลูกค้า
หัวใจสำคัญ คือ ต้องแสวงหาความเหมาะสม หาสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา ไม่ว่าจะสินค้า หรือ สไตล์การทำงาน หาช่องทางที่เหมาะกับตัวเอง ที่ไหนขายแล้วมีกำไร ก็รักษาตลาดนั้นให้แน่น อย่าทำอะไรที่เกินตัว จะทำอะไรต้องเผื่อทุนสำรอง
เป็นเอสเอ็มอี ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะคงไม่มีธุรกิจหรือสินค้าตัวไหน ที่ “Never Die” ยืนหยัดอยู่ได้ตลอดกาล แม้สินค้าตัวเดิม แต่ก็ต้องเปลี่ยนวิธีนำเสนอ ต้องนำเทคนิคดีๆ มาใช้ในการมาปรับตัว ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ ก็อาศัยการเข้าอบรมสัมมนา หรือ แสวงหาความรู้จากคนเก่งๆ ในวงการ ขอเพียงอย่าปิดกั้นตัวเอง เท่านี้คนตัวเล็กๆ ก็ประสบความสำเร็จได้
สูตรธุรกิจจากอดีต วัยรุ่นหัวการค้า ที่ก้าวสู่ทำเนียบเถ้าแก่เงินล้านได้อย่างงดงามในวันนี้..
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
Key to success
บทเรียนสู่ความสำเร็จ “เห็ดทอดนาโหนด”
๐ สร้างธุรกิจจากความเชี่ยวชาญ
๐ ศึกษาพัฒนา หาความช่วยเหลือจากผู้รู้
๐ ปรับตัวจากของฝากสู่กลุ่มสแน็ค ขายได้ทั้งปี
๐ ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ต้นทุนสูง ต้องหาทางเพิ่มมูลค่า
๐ ยอมรับความผิดพลาด เรียนรู้ และไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
๐ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง







