เจาะลึกแผนลงทุนเหมราชฯหญิงเดียวในดวงใจ"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"

เจาะลึกแผนลงทุนเหมราชฯหญิงเดียวในดวงใจ"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"

เกาะติดแผนธุรกิจฉบับย่อ ธุรกิจใต้เงาเจ้าพ่อเหล็ก “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" หญิงเดียวในดวงใจ ต้องยกให้ “เหมราชพัฒนาที่ดิน” (HEMRAJ)

"ผมไม่มีทางยกหุ้นตัวนี้ให้คนอื่นแน่นอน แม้จะครอบครองหุ้นเพียงน้อยนิด” นี่คือสัญญาใจของ “อดีตลูกหนี้แสนล้าน” สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าของวลีเด็ด “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ที่มีต่อ “สมบัติชิ้นสุดท้าย” ของเขา

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2536 “อดีตเจ้าพ่อเหล็ก” ในฐานะผู้ก่อตั้ง “เหมราชพัฒนาที่ดิน” เคยถือหุ้น HEMRAJ สูงถึง 13,643,024 หุ้น คิดเป็น 19.49% ก่อนจะทยอยลดสัดส่วนลงเรื่อยๆ ครั้งนั้น “ชำนิ จันทร์ฉาย” พ่อมดวงการปรับหนี้ อดีตคนเคยรัก ก็ร่วมวงถือหุ้น HEMRAJ ในสัดส่วน 2,000,000 หุ้น คิดเป็น 2.86%

ก่อนที่ “สวัสดิ์” ผันตัวเองนั่งแท่น “ผู้กำกับ” ส่งบท“นักแสดงนำตาน้ำข้าว” ให้ “เดวิด ริชาร์ด นาร์โดน” ลูกน้องคนสนิท นั่งเก้าอี้“กรรมการผู้จัดการ” ยาวนานถึง 15 ปี ปัจจุบันสวัสดิ์ยังคงสถานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นอันดับที่ 22 จำนวน 64,803,500 หุ้น คิดเป็น 0.67% โดยยกหน้าที่ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ให้

“ลูกสาวคนโปรด” “เพ็ญพรรณี หอรุ่งเรือง” ถือหุ้นในสัดส่วน 11.01% (ตัวเลข ณ วันที่ 27 ส.ค.55)
ในอดีต HEMRAJ ยังเป็น “ศูนย์รวม” ของนักลงทุนรายใหญ่ ไล่มาตั้งแต่ “ชาญ บูลกุล” เจ้าของฉายา “มาชานลี” ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร

“บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป” (BROOK) เคยถือหุ้น 3.49% (ตัวเลข ณ วันที่12 เม.ย.45) “ประยุทธ มหากิจศิริ” เจ้าพ่อเนสกาแฟ" เคยถือหุ้น 0.76% “วัชระ แก้วสว่าง” เซียนหุ้นรายใหญ่ เคยถือหุ้น 1.41% (ตัวเลข ณ วันที่ 9 ก.ย.46) “กึ้ง” เฉลิมชัย มหากิจศิริ ลูกชายสุดเลิฟเสี่ย“ประยุทธ” เคยถือหุ้น 2.05% (วันที่ 29 ก.ย.49)

เจ้าของ “ทางยกระดับดอนเมือง” หรือ “ดอนเมืองโทลล์เวย์” อย่าง “สมบัติ พานิชชีวะ” ก็เคยแวะเวียนมาถือหุ้น HEMRAJ จำนวน 0.75% ไม่เว้นแม้แต่ “ชาติชาย พานิชชีวะ” ประธานกรรมการ “ชีวาทัย” เคยถือหุ้น 0.57% แม้กระทั่งทายาทอาณาจักรหมื่นล้าน “ซัมมิทกรุ๊ป” อย่าง “ทวีฉัตร จุฬางกูร” ก็เคยถือหุ้น 0.66% (7 เม.ย.47) “วิกรม กรมดิษฐ์” เจ้าของ “อมตะ คอร์ปอเรชัน” (AMATA) เคยถือหุ้น 1.61% (11 ต.ค.47)

“บอม” เผ่าพิทยา สมุทรกลิน ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน ยกมืออาสาบอกเล่า แผนธุรกิจ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2556-2558) ภายใต้การกำกับดูแลของ “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” ให้ฟังว่า จากนี้เราจะหันมาใส่ใจการลงทุนในธุรกิจระบบสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นงานที่สร้างรายได้ “สม่ำเสมอ” เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืน

“IR หนุ่มมืออาชีพ” นั่งแจกแจงงานที่ต้องเร่งทำว่า เริ่มต้นที่ “ระบบไฟฟ้า” ซึ่งตั้งใจจะเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าภาคเอกชนรายเล็ก (SPP) ประมาณ 6-7 โรง แต่ละโรงจะมีกำลังการผลิตเฉลี่ย 120 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 2,600 ล้านบาท โดยจะให้บริษัทลูกอย่าง “เหมราช เอ็นเนอร์ยี่” ถือหุ้นสัดส่วน 25% ต่อโครงการ

“ทีมงานหวังว่า รายได้จากธุรกิจพลังงานจะขยายตัว “ก้าวกระโดด” เฉลี่ยปีละประมาณ 20%”

โดยเมื่อ 26 ก.ค.55 เหมราชฯเพิ่งเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ ในโรงไฟฟ้าแห่งแรก ภายใต้ชื่อ “เก็คโค่-วัน” กำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง “โกลว์ พลังงาน” และ “เหมราชพัฒนาที่ดิน” โดยเหมราชฯถือหุ้น 35% ล่าสุด “เหมราช เอ็นเนอร์ยี่” ยังร่วมมือกับ “กัลฟ์ เจพี เอ็นแอลแอล” ทำโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ เพื่อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) และลูกค้าอุตสาหกรรม มูลค่าลงทุน 5,500 ล้านบาท โดยเหมราชฯถือหุ้น 25% น่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงกลางปี 2556

ถัดจากระบบไฟฟ้า คือ “ระบบน้ำ” ขอบอกดังๆว่า เป็นงานที่มีอัตราการเติบโตสูงพอกับไฟฟ้า โดยหวังจะเห็นอัตราขยายตัวปีละ 17% โดยมีแผนจะเดินหน้าลงทุนขยายกำลังผลิตน้ำประปา และโรงบำบัดน้ำเสียมากขึ้น เพื่อรองรับกับลูกค้าน่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่รายละเอียดยังบอกไม่ได้...

ปิดท้ายด้วย “โรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกส์พาร์ค” อนาคตธุรกิจนี้จะ“พระเอก” จากแผนงานที่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้อีกเช่นเคย

"เราต้องขยายการลงทุนในธุรกิจนี้อีกมาก หวังจะเห็นธุรกิจนี้เติบโตเฉลี่ย 20% ทุกปี บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเป็น 1.2 แสนตารางเมตร และต้องการมีคลังสินค้าโลจิสติกส์ 1 แสนตารางเมตร" เขาแจกแจง

ถามถึง “ธุรกิจขายที่ดิน” IR หนุ่มบอกตรงๆว่า ตอนนี้ยังไม่มีเป้าหมายการเติบโตเฉลี่ยแต่ละปี (ยิ้ม) ส่วน “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ภายในปี 2556 ยังไม่มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ๆ เพราะทีมงานวิเคราะห์อุตสาหกรรมแล้วพบว่า ราคาที่ดินในกรุงเทพฯยังสูงมาก โดยเฉพาะพื้นที่กลางเมือง หากดันทุรังเปิดโครงการถือว่ามีความเสี่ยงสูง

กลยุทธ์การลงทุนหลักของบริษัท คือ “ทุกโครงการต้องแข่งขันได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินลงทุน” ฉะนั้นธุรกิจให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป ดูมีอนาคตดีกว่า ณ เวลานี้

เอาเงินไปลงทุนตรงนั้นดีกว่า !!!

“หนุ่มบอม” เล่าต่อว่า ภายใน 3 ปี "ทุกคน"จะเห็นสัดส่วนรายได้ระบบสาธารณูปโภคประมาณ 55% ธุรกิจขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมทั้งในชลบุรีและระยอง 40% ส่วนอีก 5% จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันเหมราชฯมีรายได้จากสาธารณูปโภค 40% ขายที่ดิน 55% และอสังหาริมทรัพย์ 5% เรียกว่าสัดส่วนรายได้ธุรกิจสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

พูดแบบนี้แปลว่าราคาหุ้นพร้อมออกตัว??

เรื่องนี้พูดไม่ได้ กรุณาไปติดตามกันเอาเอง ถ้าให้แอบกระซิบ โดยที่คุณไม่จดใส่กระดาษ และไม่อัดเทป เดี๋ยววิเคราะห์ให้ฟังเลย (ยิ้ม) นาทีนี้บอกได้เพียงว่า จากนี้เราพร้อมเติบโตต่อเนื่อง หนุ่มบอมติดตลก

"5 ปีข้างหน้า เหมราชฯพร้อมลงทุน 40,000 ล้านบาท เน้น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค พลังงานไฟฟ้า และอสังหาริมทรัพย์ เรื่องเงินลงทุนไม่ต้องเป็นห่วง "เราพร้อมตลอด" เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่าเหมราชฯจะตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ผมแจกแจงเลยละกัน ภายใน 1-2 ปี เรายังไม่มีแผน เพราะพื้นที่ให้เช่ายังไม่มากพอ ที่สำคัญยังไม่มีความจำเป็น ต่อให้เราต้องใช้เงินมาก แต่บริษัทมีเงินจากผลการดำเนินงานเพียงพอ และยังสามารถระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ หรือกู้จากสถาบันการเงินได้”

ถามถึงผลประกอบการในปี 2556 “เผ่าพิทยา” ย้ำว่า ทั้งรายได้และกำไร สุทธิต้องเติบโตมากกว่าปี 2555 ที่มีรายได้ 7,308 ล้านบาท และกำไร 2,293 ล้านบาท “ทุบสิถิตสูง” ยอดขายที่ดินในปีนี้ต้องยืนอยู่ที่ 1,600 ไร่ มูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท ตัวเลขนี้ทำได้ "ผมการันตี" เพราะมีลูกค่าใหม่ๆเพิ่มขึ้น อาทิ จากเมืองจีนเข้ามาเยอะมาก

"เดิมเราไม่เคยมีลูกค้าจากประเทศนี้เลย คิดคร่าวๆน่าจะมีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาราวๆ 50 ราย ลูกค้าใหม่และลูกขายเก่าที่ขยายพื้นที่ จะส่งผลดีต่อธุรกิจสาธารณูปโภค เพราะจะครอบคลุมทั้ง “น้ำดี-น้ำเสีย -ไฟฟ้า” อย่างรายได้ระบบน้ำในปี 2556 น่าจะอยู่ 1,700 ล้านบาท และรายได้ไฟฟ้า 2,000 ล้านบาท"

เขา ย้อนกลับไปพูดเรื่องยอดขายที่ดินว่า ปีนี้จะปรับราคาขายที่ดินขึ้นไม่เกิน 10% จากปีก่อนที่ขยับราคาไปแล้วประมาณ 20% เมืองไทยยังลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อเนื่อง ธุรกิจโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าสำหรับอุปโภคและบริโภค ก็เช่นเดียวกัน เห็นได้จากปีก่อนมีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท "คุณอย่าลืมเมืองไทยมี “จุดแข็ง” มากมาย ใครๆก็อยากมาลงทุน"

“สปีคเกอร์หนุ่ม” ทิ้งท้ายว่า วันนี้ยังไม่คิด “โกอินเตอร์” ยังไม่ถึงเวลา ไม่ไปเมืองนอก ไม่ได้แปลว่าธุรกิจไม่ดี แต่ “เหมราช” ยังไม่ “สุกงอม” ตอนนี้คนแห่ไปประเทศพม่าเยอะแยะ "แต่ผมมองว่าธุรกิจค้าปลีก น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เมื่อเทียบกับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม"

เขาเล่าต่อว่า อย่างที่เคยเป็นข่าวไปแล้วว่า “สวัสดิ์” มีแนวคิดจะพัฒนาโครงการ Entertainment Complex ที่เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี ภายใต้การดูแลของ “มิลเลียน ไอส์แลนด์ พัทยา” ล่าสุดได้ทำสัญญาซื้อที่ดิน 260 ไร่ บนเกาะล้าน มูลค่า 2,000 ล้านบาทแล้ว ตามแผนงานจะลงทุน 4 ส่วน คือ 1.อควาเรียม 2. ท่าเรือยอชต์ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงเส้นทางจากเกาะล้านไปยังหาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง 3.โรงแรมระดับ 5-7 ดาว และ 4 โรงแรม

สุดท้าย คือ โรงถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งหมดต้องใช้วงเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากโครงการนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะกลายเป็นธุรกิจบริการด้านบันเทิงครบวงจรที่สุดในเมืองไทย ตอนนี้มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงขันเพียบ

“ธุรกิจคอมเพล็กซ์” ถือเป็น “จุดเริ่มต้นที่ดี” ท้ายที่สุดจะขยายต่อตัวอย่างไร ละครเรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ “สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง” มักมี “เซอร์ไพรส์” งานถนัดเขาละ !!!