'มาม่า'ทุ่ม100ล.เปิดรง.แห่ง2ในมัณฑะเลย์

"มาม่า" ทุ่ม 100 ล้าน ผุดโรงงานบะหมี่แห่งที่ 2 ที่เมืองมัณฑะเลย์ คาดได้ข้อสรุปไตรมาสแรกปีนี้ เริ่มผลิตได้ในปลายปีนี้
นายสุชัย รัตนเจียเจริญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมเงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดินในเมืองหลวงเก่าอย่างมัณฑะเลย์ 20-30 ไร่ ราคาเฉลี่ย 1-2 ล้านบาทต่อไร่ เพื่อสร้างโรงงานผลิตมาม่าแห่งที่ 2 ในพม่า คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาสแรกของปีนี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนคาดว่าจะสร้างโรงงานจะแล้วเสร็จและผลิตสินค้าได้ภายในสิ้นปี 2556 หลังจากนั้นจะโยกฐานการผลิตมาม่าจากโรงงานที่ย่างกุ้งมายังโรงงานแห่งนี้ ซึ่งส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวม 5 หมื่นหีบต่อเดือน จากเดิมโรงงานที่ย่างกุ้งผลิตมาม่าได้เกือบ 4 หมื่นหีบต่อเดือน
โดยที่ผ่านมา ข้อสรุปเรื่องการซื้อที่ดินค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากที่ดินในมัณฑะเลย์ส่วนใหญ่ถูกนักลงทุนต่างชาติกว้านซื้อไปหมดแล้ว ทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นมาก บริษัทจึงต้องทยอยซื้อที่ดินทีละน้อย ปัจจุบันยังคงหาซื้อที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต โดยโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะรองรับการผลิตสินค้าได้ราว 10 ปี เพราะตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโตในอัตราก้าวกระโดดมากขึ้น เมื่อเทียบกับโรงงานเดิมมีพื้นที่ 5 ไร่
"แม้จะมีข่าวรัฐบาลพม่าเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆรวดเร็ว แต่หลังจากเปิดประเทศรัฐบาลพม่าก็พยายามผ่อนปรนกฎหมายเอื้อต่อการลงทุนของต่างชาติ เช่น การซื้อที่ดิน เป็นต้น ซึ่งบริษัทค่อนข้างมั่นใจในการเข้าลงทุนในพม่า โดยเตรียมงบลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดิน เครื่องจักรต่างๆ สร้างโรงงานแห่งที่ 2 โดยโรงงานแห่งนี้จะใช้เป็นฐานผลิตเวเฟอร์และบิสกิต รวมทั้งสินค้าใหม่ๆของบริษัทในอนาคต เพื่อป้อนให้กับตลาดและผู้บริโภคทางตอนเหนือของพม่า ซึ่งมีความต้องการสินค้าสูงมากสัดส่วนถึง 50% ของยอดขายในปัจจุบัน การมีฐานผลิตที่มัณฑะเลย์จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งให้บริษัทได้อีกทางหนึ่ง"
เขากล่าวอีกว่า ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในพม่าแม้จะมีอัตราเติบโตสูง แต่ตลาดยังไม่ใหญ่มากนัก มีมูลค่าตลาดราว 1,400 ล้านบาทเท่านั้น แต่ความต้องการของผู้บริโภคขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายของมาม่าในปี 2555 เติบโตถึง 30% สูงสุดในรอบ 10 ปี และปีนี้บริษัทคาดว่ายอดขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25%
"ยอดขายมาม่าในพม่าเติบโตต่อเนื่อง และปีที่แล้วเป็นการโตสูงสุดในรอบ 10 ปี มีส่วนแบ่งราว 35% เป็นเบอร์ 2 รองจากยำยำ ซึ่งเข้าไปบุกตลาดพม่าก่อนเรา ขณะที่เบอร์ 3 เป็นแบรนด์จากมาเลเซีย ส่วนแนวโน้มตลาดบะหมี่สำเร็จรูปจากนี้ไปคาดว่าจะเติบโตมากขึ้น เพราะการเปิดเออีซีในปี 2558 ทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น จึงส่งผลให้มีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามาทำตลาดค่อนข้างมากทั้งเวียดนาม มาเลเซีย ส่วนยักษ์ใหญ่อย่างจีนก็เตรียมเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตบะหมี่รุกตลาดจริงจัง ปัจจัยดังกล่าวยังทำให้การแข่งขันของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย ซึ่งบริษัทเองก็เตรียมผลิตสินค้าใหม่ๆเข้าไปป้อนตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และตอกย้ำกลยุทธ์ด้านคุณภาพสินค้าเพื่อรับมือการแข่งขันในอนาคต"
เขายังบอกว่า พม่ายังเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากสำหรับนักธุรกิจไทย แต่การเข้าไปจะต้องศึกษาข้อกฎหมายต่างๆให้ละเอียด และควรหาพันธมิตรท้องถิ่น (โลคัลพาร์ทเนอร์) เพราะเขามีความรอบรู้ทั้งกฎหมาย การค้า และพฤติกรรมผู้บริโภคในเชิงลึกมากกว่าชาวต่างชาติ แต่มิตรก็จะต้องเลือกให้ดีหาที่ไว้ใจได้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปด้วยกัน ขณะที่ธุรกิจดาวรุ่งในพม่า ตอนนี้น่าจะเป็น "ธุรกิจโรงแรม" ที่มีความต้องการสูงรับการเปิดประเทศ เรียกว่า "บูมสุดๆ" ส่วนตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (คอนซูเมอร์โปรดักส์) ก็ขยายตัวไม่แพ้กัน







