เปิดสัมพันธ์6กลุ่มรับเหมาชิงเค้กน้ำ3.5แสนล.

เปิดสัมพันธ์6กลุ่มรับเหมาชิงเค้กน้ำ3.5แสนล.

เปิดสายสัมพันธ์ลึก 6 กลุ่มรับเหมาชิงเค้กน้ำ 3.5 แสนล้านบาท

6 กลุ่มบริษัท ที่ผ่านการคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของไทยวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท หลายฝ่ายยังคงสงสัยกับพันธมิตรแต่ละกลุ่มอยู่ไม่น้อย ใครเป็นใครเข้ามาได้อย่างไร โดยเฉพาะบริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น (เค วอเตอร์) จากประเทศเกาหลีใต้ เรียกว่า "ม้ามืดเข้ารอบถึง 10 โมดูล" ยิ่งไปกว่านี้กลับไม่มีพันธมิตรร่วมที่แสดงตนให้เห็น ณ ขณะนี้แม้แต่รายเดียว 'กรุงเทพธุรกิจ" ได้ตรวจสอบ 6 กลุ่มที่ผ่านการคัดเลือกและพันธมิตรร่วม ดังนี้

1.กิจการร่วมค้า ญี่ปุ่น-ไทย จับมือ 11 บริษัทย่อยร่วมพันธมิตรกลุ่มนี้ ประกอบด้วย บริษัท ซีทีไอ เอ็นจิเนียริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท โอบายาชิ คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ไทเซอิ คอร์ปอเรชั่น, บริษัท คาจิมา คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ชิมิซี คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ซีทีไอ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท ซันยู คอนซัลแตนท์ส อินคอร์ปอเรชั่น, บริษัท แปซิฟิก คอนซัลแตนท์ส จำกัด, บริษัท ยาชิโย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, องค์กรบริหารจัดการน้ำประเทศญี่ปุ่น, บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ)

กลุ่มนี้ความโดดเด่นอยู่ที่ "ยูนิค" ซึ่งรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ ประสงค์ สุวิวัฒน์ธนชัย ถือเป็นกลุ่มที่เข้าได้กับทุกกลุ่มในการทำงาน เกิดอะไรขึ้นไม่ตกขบวนแน่นอน สำคัญยิ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลุ่มลูกค้าสำคัญคือภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ เช่น กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

2.กิจการร่วมค้า ITD-POWERCHINA JV เป็นบริษัทกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ไทย-จีน ประกอบด้วย 6 บริษัท ได้แก่ ITD-POWERCHINA JV, บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), บริษัท พาวเวอร์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น ออฟ ไชน่า, บริษัท ไชน่า เก๋อโจวบ๋า กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล วอเตอร์ แอนด์ พาวเวอร์ คอร์เปอเรชั่น, บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด

กลุ่มนี้ไม่ธรรมดาภายใต้การนำของ "เปรมชัย กรรณสูต" ผู้รับเหมาเบอร์หนึ่งของไทย และกำลังจะทำงานใหญ่อย่างโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในประเทศพม่า ที่สำคัญและน่าจับน่ามองอย่างยิ่งกลุ่มนี้ มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมตรงไปยังบุคคลระดับบิ๊กๆในพรรคเพื่อไทยและคนที่อยู่ต่างแดนอย่างใกล้ชิด

3.กิจการร่วมค้า ทีมไทยแลนด์ เป็นบริษัทร่วมค้า(Joint Venture) รวมตัวของบริษัทในไทยมีพันธมิตร 8 บริษัท ได้แก่ บมจ. ช.การช่าง (CK), บริษัท ช.การช่าง (ลาว) จำกัด กลุ่มนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกิน 50% , บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด, บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) หรือ CNT, บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด, บริษัท เสริมสงวนก่อสร้าง จำกัด, บริษัท ทิพากร จำกัด, บริษัท โรจน์สินก่อสร้าง จำกัด

กลุ่มนี้มี "ปลิว ตรีวิศวเวทย์" หัวเรือใหญ่จับมือกับกลุ่มผู้รับเหมากรมทางหลวง และ ทีม คอนซัลแตนท์ เรียกว่า คู่ขาเดิมจากโครงการเขื่อนน้ำงึมและเขื่อนไซยะบุรี จับมือลงชิงเค้กก้อนใหญ่โครงการน้ำ สำหรับ ทีม คอนซัลติ้งฯ ต้องยอมรับถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำไม่ธรรมดา แต่การรวมกลุ่มคนไทยเข้าด้วยกันน่าจะเป็นผลดีต่อการเสนองานเพราะไม่มีใครรู้จักภูมิประเทศไทยได้ดีเท่ากับคนไทย แน่นอนกลุ่มนี้จะใช้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศในลักษณะที่ปรึกษาเท่านั้น

4.กิจการร่วมค้า ซัมมิท เอสยูที เป็นบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) ประกอบด้วย 3 บริษัทย่อย ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สามประสิทธิ์, บริษัท เอส.เค.วาย.คอนสตรัคชั่น จำกัด, บริษัท ยูเนี่ยน อินฟาร์เทค จำกัด กลุ่มนี้ "สามประสิทธิ์" ถือเป็นกลุ่มรับเหมาที่ไม่ธรรมดารายหนึ่ง แม้หลายคนจะไม่คุ้นหูแต่วงการรับเหมาคงจะคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี

5.กลุ่มบริษัทค้าร่วม ล็อกซเล่ย์ มี 2 บริษัทย่อยคือ บมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) และ บริษัท เอจีที อินเตอร์เนชั่นแนล จีเอ็มบีเอช

6.บริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น (เค วอเตอร์) จากประเทศเกาหลีใต้ กลุ่มนี้เป็นบริษัทเดียวที่ยื่นเข้ามาโดยไม่มีบริษัทย่อยเป็นพันธมิตร กลุ่มนี้บอกเลยไม่ธรรมดาเพราะมีการฝังราก ฝังตัวอยู่กับกรมชลประทานมาอย่างยาวนาน ที่คอยศึกษาเรื่องน้ำในประเทศไทย

จากการตรวจสอบพบ "เค วอเตอร์" เข้ามาในประเทศไทยนานมาก ในลักษณะการร่วมมือแลกเปลี่ยนงานด้านวิชาการกับกรมชลประทาน พร้อมตั้งทีมวิชาการศึกษาพื้นที่ในประเทศไทยทำเลและภูมิศาสตร์ทั้งหมด โดยมีการดึงเอาเจ้าหน้าที่ระดับวิศวกรของกรมชลประทานเข้าร่วมทีม กลุ่มเป้าหมายที่ "เค วอเตอร์" สนใจส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการวิศวกรที่เกษียณหรือลาออกจากราชการเข้ามาทำงานด้วย บางส่วนเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลายเป็นทำการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้ "เค วอเตอร์" มีความรู้ทั้งหลักภูมิศาสตร์และแหล่งน้ำในประเทศไทยเป็นอย่างดี เพราะเข้ามาศึกษาหาข้อมูลก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ด้วยซ้ำ

เมื่อ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) มีแผนที่จะดำเนินการในโครงการแก้ปัญหาน้ำ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทขึ้น จะเห็นว่าโครงการที่เกิดขึ้นมาส่วนใหญ่เป็นโครงการเดิมที่กรมชลประทาน มีแผนที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่แปลกใจที่ "เค วอเตอร์" จะได้เปรียบในเรื่องของข้อมูลเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้รับเหมากลุ่มอื่นๆ ที่สำคัญยังพบว่ามีนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนและตรงกับทีโออาร์ที่กำหนดไว้

ไม่แปลกใจว่าทำไม "เค วอเตอร์" ถึงฉายเดี่ยวเข้ามาประมูลงานนี้ เพราะว่าภายใต้ "เค วอเตอร์" มีขุมกำลังที่อยู่ข้างหลังและเป็นขุมกำลังใหญ่ พวกเขาคือวิศวกรกรมชลประทาน ที่รู้ลึกรู้จริงข้อมูลน้ำของประเทศนั่นเอง นี่คือสิ่งที่ "เค วอเตอร์" ได้เปรียบบริษัทจากค่ายญี่ปุ่น งานนี้เดิมทีใครๆ ก็บอกว่า "ญี่ปุ่นตัวเต็ง" แต่เอาเข้าจริงกลับกลายเป็น "เค วอเตอร์"

แม้ว่า "เค วอเตอร์" จะได้งานประมูลครั้งนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นกี่แผนงานก็ตาม สุดท้ายหนีไม่พ้น "ซับคอนแทรคคนไทย" แน่นอน

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้กำหนดให้กลุ่มบริษัทต่างๆ จัดทำรายละเอียด 3 ส่วน ที่บรรจุในระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) 1.รายละเอียดเรื่องเทคนิคการก่อสร้าง 2.ระยะเวลาดำเนินการ และ 3.ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้าง ส่งกลับมาให้คณะกรรมการตัดสินภายใน 15 มีนาคม 2556 พร้อมประกาศคัดเลือกผู้ชนะโมดูลละ 1 ราย ในวันที่ 10 เมษายน 2556