เหมราชฯประกาศแผนลงทุน4หมื่นล.ใน5ปี

"เหมราชฯ"ประกาศแผนลงทุน 4 หมื่นล้าน ภายใน 5 ปี นำร่องปีนี้ 8 พันล้าน ใน 4 ธุรกิจหลักนิคมอุตสาหกรม-สาธารณูปโภค-พลังงาน-อสังหาฯ
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนลงทุนของเหมราชฯที่วางไว้ 5 ปีด้วยมูลค่าลงทุน 4 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนปีนี้ 8,000 ล้านบาท ใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม บริการสาธารณูปโภค พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังได้เริ่มพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี 2 โดยนิคมฯ แห่งใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่ 640 ไร่ (256 เอเคอร์ หรือ 102 เฮกตาร์) โดยพร้อมจะรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาก่อสร้างโรงงานได้ในราวปลายปี 2556
โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจหลักของเหมราชฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้และผลประกอบการให้เติบโตในอนาคต ปัจจุบัน เหมราชฯมีนิคมอุตสาหกรรม 7 แห่งของเหมราชฯ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 36,137 ไร่ (14,500 เอเคอร์ หรือ 5,800 เฮกตาร์) รองรับลูกค้า 555 ราย เป็นผู้ประกอบการด้านยานยนต์ 188 ราย และเคมีภัณฑ์/ปิโตรเคมี 54 ราย มีสัญญาที่ดินและโรงงานรวม 832 สัญญา โดยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าของเหมราชฯ มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมคิดเป็นอัตราส่วนกว่า 45% ของรายได้รวมเหมราชฯ และยังมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และชาติสมาชิกอาเซียน การย้ายฐานการผลิตจากพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยไปยังแถบอีสเทิร์นซีบอร์ด รวมไปถึงทัศนคติในทางบวกของนักลงทุนจากออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาที่มีต่อการลงทุนในประเทศไทย
ในปี 2556 นี้ เหมราชฯ ตั้งเป้าอัตราเติบโตของรายได้ด้วยตัวเลขสองหลัก โดยได้ประเมินยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,600 ไร่ (640 เอเคอร์ หรือ 256 เฮกตาร์) ลูกค้าใหม่ 50 ราย และสัญญาที่ดินและโรงงานใหม่อีก 80 ฉบับ ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาทจากบริการสาธารณูปโภค ซึ่งครอบคลุมกลุ่มบริการที่เกี่ยวกับน้ำ ตั้งแต่การผลิตน้ำประปาไปจนถึงการบริหารจัดการน้ำเสีย โดยกลุ่มธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ 22% ของรายได้รวม และเหมราชฯ คาดว่าธุรกิจสาธารณูปโภคจะเติบโต 20% ตั้งเป้ารายได้ในปี 2557 ที่ 2,000 ล้านบาท
นอกจากสองธุรกิจข้างต้นแล้ว โครงการโรงไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญ โดยโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ซึ่งเหมราชฯ ได้ร่วมทุนกับโกลว์ ในอัตราถือหุ้น 35/65 บริษัท เหมราชฯ ยังได้เข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด โดยถือหุ้นในอัตราส่วน 25.01% โครงการนี้จะเริ่มดำเนินการในช่วงกลางปี 2556 นอกจากนั้นเหมราชฯ ยังมีแผนจะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีก 7 โครงการ แต่ละโครงการมีกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์
"สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า ผมเชื่อว่าเรามีปัจจัยในการเติบโตอยู่สองประการ คือ ฐานลูกค้านิคมอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งก็มีความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าอยู่มาก และความร่วมมือกับหุ้นส่วนระดับโลกอย่าง โกลว์ จีดีเอฟ ซูเอซ และกัลฟ์ เจ พาวเวอร์ ญี่ปุ่น"นายนาร์โดน กล่าวและว่า ขณะนี้ เงินปันผลจากการถือหุ้นในโครงการเหล่านี้ มีมูลค่ารวมคิดเป็น 8% ของรายได้ของเหมราชฯ และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้า จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญอีกแห่ง
นอกจากนั้น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงรุดหน้า โดยเฉพาะการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปและโลจิสติกส์ พาร์ค ซึ่งทำรายได้คิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้รวมทั้งหมด จะสามารถสร้างผลงานได้ดีในปีนี้ โดยคาดว่าจะมีลูกค้าเช่าโรงงานเพิ่มขึ้นกว่า 1.20 แสนตร.ม. หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเกินกว่า 50% ส่วนผลิตภัณฑ์ล่าสุดอย่างคลังสินค้าโลจิสติกส์ คาดว่าจะเติบโตด้วยอัตราที่สูงขึ้น ด้วยการขยายพื้นที่ให้เช่าอีก 1 แสนตร.ม. จากพื้นที่ที่กำลังก่อสร้างทั้งหมด 1.8 แสนตร.ม.
"เราเชื่อว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจในหมู่นักลงทุนภาคอุตสาหกรรม เนื่องมาจากจุดแข็งสำคัญหลายประการ ทั้งบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน ความสะดวกในการเข้าถึงตลาด ต้นทุนการดำเนินการที่สมเหตุสมผล และโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์พร้อม"นายนาร์โดน กล่าว
ดั้งน้นเหมราชฯ จึงยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยหลังจากที่ได้ซื้อที่ดินขนาด 258 ไร่ (103 เอเคอร์ หรือ 41 เฮกตาร์) บนเกาะล้าน พัทยา เหมราชฯ ได้เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรขนาดใหญ่ โดยคาดว่าแผนงานของโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2556 ก่อนที่จะเริ่มทำการก่อสร้างต่อไปในปี 2557




