เปิดช่องโหว่กระดานเอ็นวีดีอาร์ หมกเจ้าของตัวจริง!! ชินคอร์ป

เปิดช่องโหว่กระดานเอ็นวีดีอาร์ หมกเจ้าของตัวจริง!! ชินคอร์ป

เปิดช่องโหว่!!!เทรดหุ้นผ่านกระดานเอ็นวีดีอาร์ หมก"ชื่อ"เจ้าของตัวจริง "ชินคอร์ป" หลังเทมาเส็กทยอยทิ้งหุ้น คำต่อคำ : เกียรติ สิทธีอมร

"กรุงเทพธุรกิจทีวี"เกาะติดประเด็นร้อน เทมาเส็กทิ้งหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กว่า 330 ล้านบาท ราคาต่ำกว่าในกระดาน คาดได้เงินจากการขายครั้งนี้กว่า 2 หมื่นล้านบาท ผ่านมุมมมอง เกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเขามีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร...(คำต่อคำ)


ถาม อยากให้ย้อนรอยที่คุณเกียรติได้ยื่นเรื่องต่อกรมทะเบียนการค้า ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ถึงเรื่องการตรวจสอบกรณีความเป็นต่างด้าวของ บริษัท ชินคอร์ปฯ ที่ตอนนี้เป็นอินทัช ว่า มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

ตอบ ในตอนนั้นเราก็ไปตรวจสอบดูกระบวนการจัดตั้งบริษัท เพราะข้อบังคับของบริษัทและก็เส้นทางเงินของการเข้ามาลงทุนในบริษัทกุหลาบแก้ว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขปริศนาว่าจะมีการถือหุ้นแทนหรือไม่ ก็พบว่าจริงๆ แล้ว ผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทยในตอนนั้นเองไม่ได้ลงเงินเอง เงินที่มาใช้เป็นทุนก็เป็นเงินที่มาจากบริษัทที่จดทะเบียนในบริติช เวอร์จิ้น ไอซ์แลนด์ แต่เป็นเครือข่ายและเป็นเจ้าของโดย บริษัท เทมาเส็ก ก็มีหลายบริษัทที่เป็นตัวละคร มีทั้งไซเปรส มีแอสเซน เป็นชื่อต้นไม้ทั้งนั้นเพราะเขาตั้งขึ้นมา บริษัทเหล่านี้จริงๆ ทุนจดทะเบียนก็เหรียญเดียว 1 เหรียญ 2 เหรียญ แต่เงินที่ใช้ในการเข้ามาถือหุ้นเยอะมาก เป็นหมื่นล้าน และก็ในช่วงต้นของกุหลาบแก้วเองทุนจดทะเบียนน้อยมาก ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณล้านเดียว

ถาม ในตอนนั้นจุดผิดสังเกตที่คุณเกียรติจับได้นี่คือจุดไหน

ตอบ ประการแรกก็คือ ผู้ถือหุ้นคนไทยไม่ได้ใช้เงินตัวเองในการลงทุน ใช้เงินคนอื่น ใช้เงินที่มาจากบริษัทต่างด้าว ประการที่ 2 ก็คือว่า กรรมการเองที่ตั้งขึ้นมา ถึงแม้บอกว่าเป็นบริษัทไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ข้างมาก กลับไม่มีสิทธิไม่มีเสียงเลย เขียนไว้ในข้อบังคับชัดเจนเลยว่า จะขายหุ้น จะบริหารบริษัทเป็นกรรมการฝ่ายสิงคโปร์หมดเลย

ประการที่ 3 คือ ผู้ถือหุ้นถึงแม้ถือหุ้นเกิน 50% แต่จะได้ผลประโยชน์จากกำไรเพียงแค่ 3% เท่านั้น อันนี้ผิดปกติไหม คุณลงเงิน 50% แต่ได้กำไรมาเท่าไรผมได้แค่ 3%

อีกประการหนึ่งก็คือว่า ในกรณีที่จะมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทจะต้องขออนุมัติจากฝ่ายสิงคโปร์ทั้งหมด ซึ่งอันนี้มันเป็นตัวชี้ว่ามันไม่น่าจะปกติ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจ หรือในทางปฏิบัติในการทำธุรกิจก็แล้วแต่ มันผิดปกติมาก

ถาม แบบนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าผิดปกติ แต่ตั้งแต่ที่คุณเกียรติยื่นเรื่องเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2549 ปัจจุบันติดขัดอยู่ที่ขั้นตอนไหน

ตอบ ตอนแรก เวลากระบวนการไปยื่นทางกรมพัฒนาธุรกิจโดยอธิบดี ก็ไปยื่นที่โรงพักที่ถิ่นที่อยู่เป็นที่จดทะเบียนของบริษัท จากนั้นก็ใช้เวลาเป็นปีเลย ก็มีการสอบปากคำคนเพิ่มเติม คือวิธีหนึ่งที่จะให้คดีมันช้าก็จัดพยานมาซะเยอะๆ เลย 30 คน 50 คน และก็สอบกันไปอย่างนั้น ก็เป็นปีเลย ในช่วงขั้นตอนปี 49 ปี 50 ไปจนถึงปี 51 สำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็เป็นคนเข้ามาดำเนินคดีเอง ไม่ใช่โรงพัก ที่ทุ่งมหาเมฆ ทำไปทำมาปรากฏว่า ก็เล็งให้เห็นว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องในตอนนั้นก็คือ ดาโต๊ะสุรินทร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้น ที่สงสัยว่าเป็นผู้ถือหุ้นแทน ก็มีการแจ้งไปยังดาโต๊ะสุรินทร์ แต่ปรากฏว่าหายตัวไป พอหายตัวไปก็คือเหมือนกับว่าคดีก็ยังค้างอยู่

ถาม ปัจจุบันค้างอยู่ที่ส่วนไหน

ตอบ ปัจจุบันก็ยังค้างอยู่ เข้าใจว่าน่าจะไปถึงอัยการแล้ว แต่ก็ยังค้างอยู่ เพราะว่าหาตัวบุคคลไม่ได้ อันนี้ก็เป็นจุดอ่อนของข้อกฎหมายของเราเองด้วยส่วนหนึ่ง แต่ความผิดที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าจริงๆ เนื่องจากมันมีผลมากมายเลยว่า การเข้าไปถือครองหุ้นของเทมาเส็กโดยผ่านบริษัทต่างๆ ในที่สุดแล้ว ตอนนั้นที่ผมคำนวณออกมา เขาถือหุ้นจริงๆ กว่า 80% ถ้าดูว่ามันมีการถือหุ้นแทนอะไรกันทั้งหมด มัน 80-90% แล้วในเว็บไซต์ของเทมาเส็กเองในตอนนั้นเองก็ยืนยัน เขียนให้สังคมรู้เลยในสิงคโปร์ บอกว่าเขาเนี่ยถือหุ้นข้างมาก ซึ่งมันก็ชี้ให้เห็นว่ามันผิดปกติ ที่นี้ปัญหาก็คือว่าพอมันดำเนินคดีไม่ได้เพราะว่าตัวละครหายตัวไป มันก็เลยยังไม่มีการพิสูจน์กันว่า ในที่สุดแล้วการถือครองหุ้นชินคอร์ปในตอนนั้น มันถูกกฎหมายหรือไม่

ถาม ล่าสุดที่ทางซีดาร์ขายหุ้นออกไปแบบนี้ ก็ถือว่าแก้เรื่องของนอมินีได้ไหม

ตอบ ผมเชื่อว่าเป็นความพยายามในการแก้ปัญหาในเรื่องนั้นโดยตรง แต่ที่น่าสังเกตก็คือว่าคนที่มาซื้อเป็นใคร

ถาม เพราะว่าขายให้ไทยเอ็นวีดีอาร์

ตอบ ไทยเอ็นวีดีอาร์ในอดีตที่ผมก็เคยเข้าไปตรวจสอบ การเข้าไปถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ก็กลายเป็นพวกทุนของบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศ อันนี้เป็นช่องว่างก็คือว่า การเข้ามาถือหุ้นโดยเอ็นวีดีอาร์มันไม่ต้องระบุชื่อบุคคล บริษัทที่เข้ามาถือหุ้นผ่านเอ็นวีดีอาร์ในอดีตหลายโครงการ ส่วนใหญ่ก็เป็นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ นอมินี เซส นอมินี เอชเอสบีซี นอมินี ซึ่งหมายความว่า ก็คือเป็นเงินส่วนบุคคล ซึ่งเป็นคนไทย อาจเป็นคนไทยได้ แล้วก็มาถือผ่านช่องทางนี้ เพราะฉะนั้นการกระจายนี้มันเหมือนกับการปรับโครงสร้าง

ถ้าผมเดาไม่ผิดซึ่งตอนนี้เราไม่สามารถ คือกฎหมายมันเอื้อมไม่ถึงที่จะให้เขาเปิดเผยข้อมูลว่าตัวจริงคือใคร แต่ถ้าผมเดาไม่ผิดมันก็น่าจะเป็นการถือหุ้นแทนของคนไทยโดยผ่านกระดานต่างประเทศกระดานเอ็นวีดีอาร์ น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าในช่วงที่มีการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจตอนนั้นเยอะแยะเลย ทั้งเอ็กซ์คอม ทั้งอะไรเนี่ย ก็จะเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวของการมาถือหุ้นผ่านเอ็นวีดีอาร์เยอะมาก และส่วนใหญ่ก็จะเป็นกองเงินที่เป็นเงินส่วนบุคคลที่ไปจดทะเบียนในเกาะฟอกเงิน หรือเกาะเลี่ยงภาษี เกาะที่ไม่เสียภาษีเนี่ย แล้วก็เข้ามาถือหุ้น แล้วก็ทางตลาดเองก็ไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้

ถาม ในกรณีนอมินีที่เขาบอกจำกัดไว้ที่ 49% หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่เปิดเสรีแบบไม่จำกัดเลย

ตอบ กิจการโทรคมนาคมมันมี 2 กฎหมาย กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวไม่ได้บอกว่าจำกัดหรือไม่จำกัด บอกว่าถ้าคุณถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่ง คือ 50% และเกินไป 1 หุ้น คุณถือเป็นบริษัทต่างด้าว คุณต้องขออนุญาต ซึ่งขออนุญาตได้ แต่ที่ผ่านมาในตอนนั้นเขาไม่ได้ขออนุญาต นั่นข้อที่ 1 แต่พอมาดู พ.ร.บ.กิจการโทรคมนาคม เขาไม่อนุญาตให้บริษัทต่างด้าวเข้าไปถือหุ้น มันมีเกิน 25% เกิน 49% ที่แก้กันไปแก้กันมาในช่วงนั้น ซึ่งอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นถ้าพิสูจน์ทราบออกมาแล้ว แล้วมีการวินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วว่า กุหลาบแก้วเป็นการถือหุ้นแทน ก็หมายความว่าการเข้าไปซื้อหุ้นของชินคอร์ปซึ่งมีกิจการโทรคมนาคม ทั้งเอไอเอส ทั้งชินแซทก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งรวมไปถึงแอร์เอเชียด้วย เพราะว่าอันนั้นก็ไปเข้า ปว.58 และก็ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเดินอากาศ ก็มีเงื่อนไขกำหนดและชัดเจนเหมือนกัน