DNA Clinic ร้อยทอง งามอย่างมีมูลค่า

ดีเอ็นเอ คลินิก ธุรกิจความงามแบบฉบับลักชัวรี่ ที่คิดค่าบริการเบาะๆ ต่อครั้ง ตั้งแต่หลักร้อย ไปจนหลักล้าน ! บริการคนอยากสวยแบบกล้า"จัดหนัก"
คลีนิกเวชกรรมหรู ที่ชื่อ “ดีเอ็นเอ คลินิก” ตั้งตระหง่านอยู่ในอาคาร “แบงคอก เมดิเพล็กซ์” ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเอกมัย รอต้อนรับกลุ่มคนรักสุขภาพและความงาม มาเนรมิตรความสวยแบบไม่เจ็บตัว
ชื่อของบริษัทนี้เป็นที่รู้จักมากว่า 3 ปี ที่ผ่านมา (เปิดตัวในปี พ.ศ.2552) หลังพกพานวัตกรรมความสวยข้ามทวีป ที่เรียก “การร้อยทอง” (Gold Thread TM Lift) วิทยาการทางการแพทย์เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหน้าจากริ้วรอยแห่งวัย ผ่านการร้อยเส้นไหมทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ด้วยเทคนิค Koziczynski's Method ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาโดย ดร.พาเวล โคชิกชินสกี้ แพทย์ชาวโปแลนด์ และเป็นที่นิยมทั้งในยุโรปและอเมริกา
"ดีเอ็นเอ” ได้รับลิขสิทธิ์จากสถาบัน Gold Thread LLC สหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในไทยและเอเชีย
“การจะทำธุรกิจความงาม โดยคิดแค่ว่าจะมีทรีทเม้นต์เหมือนคนอื่น ซึ่งเขามีกันหลายร้อยสาขา เห็นเขาทำดี กำไรเยอะ เรามีเงินจ้างหมอ ก็จะเปิดแบบเขาบ้าง ถ้าคิดแค่นั้น ก็รอถูกเชือดได้เลย เพราะมันไม่ง่าย ธุรกิจนี้เราจะต้องหาพระเอกของคลินิก ที่สำคัญต้องเป็นเทคนิคที่ไม่เหมือนใครด้วย”
“วสินธ์ ศิริรัตน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็นเอ คลินิกเวชกรรม จำกัด วัย 36 ปี บอกเล่าวิธีหาตลาด Blue Ocean ในธุรกิจเสริมความงามและศัลยกรรมตกแต่ง ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งขัน โดยมีมูลค่าตลาดรวม อยู่กว่า 15,000 ล้านบาท
มองไปทางไหนก็เห็นแต่สงครามหั่นราคา นำเสนอบริการ ออฟชั่นเสริม และเมนูโปรแกรมเพื่อชิงความได้เปรียบ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเริ่มหาพระเอกอย่าง “ร้อยทอง” มาเป็นอาวุธก่อนเดินหน้าพิชิตธุรกิจ และเลือกวางตำแหน่งตัวเองเป็นสถานบริการความงามระดับ Luxury Premium ที่คิดค่าบริการตั้งแต่หลักร้อย ไปจนหลักล้าน !
“เฉพาะการร้อยทอง คนจ่ายขั้นต่ำคือ 1 แสนบาทต่อครั้ง เป็นเส้นเล็กๆ เส้นเดียว โดยเฉลี่ยต่อคนก็ประมาณ 1-2 ล้านบาท สูงสุดที่เคยทำไป คือ 10 ล้านบาทต่อครั้งต่อคน !”
ตัวเลขค่าบริการที่ใครได้ยินก็คงต้องหูผึ่ง ตาโต โอ้ ..อะไรมันจะขนาดนั้น!
“3 ปี ที่เปิดให้บริการมา มีลูกค้ามาทำร้อยทองแล้วกว่า 500 คน โดยดีเอ็นเอมีฐานลูกค้ารวมอยู่ประมาณ 1 หมื่นคน”
เขายืนยันความสำเร็จที่พิสูจน์ด้วยตัวเลขฐานลูกค้า ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งลูกค้าร้อยทองและบริการความงามระดับ Premium ตอกย้ำความเชื่อในตอนเริ่มต้นธุรกิจ ที่เขาบอกว่า..
“คนเราไม่ว่าจะอยู่ในวงการไหน มีเงินมากมายขนาดไหน ก็ล้วนอยากสวยและสุขภาพดีด้วยกันทั้งนั้น”
แต่เส้นทางสายทองคำ ไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบ “วสินธ์” ยอมรับว่า 6 เดือนแรกของการทำธุรกิจ ต้องบอกว่า “สาหัส”
“6 เดือนแรกขาดทุนเยอะมาก เพราะตัวพระเอกยังไม่สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ และคนที่มาทำทรีทเม้นต์ ดีเอ็นเอก็ยังไม่เป็นตัวเลือกแรกสำหรับเขา”
ผู้บริหารหนุ่มบอกเรื่องหนักใจ ก่อนเผยกลยุทธ์สร้างตลาดในแบบของเขา
นั่นคือการใช้พลังแห่ง “คอนเนคชั่น”
“หาเพื่อนเป้าหมายให้เจอ ให้เขาได้เข้ามาลองใช้บริการ ถ้าได้ผลดี สวยขึ้น เขาจะชักชวนเพื่อนของเขามาทำต่อเอง”
วสินธ์ บอกวิธีหย่อนเบ็ดกับเพื่อนของเป้าหมาย ใช้เหยื่อที่เรียกว่า “ความจริงใจ” และ “ให้ไปก่อน” บางคนถึงขนาดพาบินไปดูที่เมืองนอกก็ทำมาแล้ว ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อพลังของการบอกต่อที่จะตามมาอีกมหาศาลหลังจากนั้น
ต้นทุนสำคัญของ วสินธ์ คือประสบการณ์ในธุรกิจประกันชีวิตมานับ 10 ปี คนอื่นอาจเสนอขายแบบประกันแค่หลักหมื่นบาท แต่เขาเลือกขายตั้งแต่หลัก 10 ล้านบาท ขึ้นไป จนมีพอร์ตลูกค้าที่ดูแลอยู่กว่า 200 ล้านบาท.. เขารู้จักวิธี “ขายของแพง” และรู้ด้วยว่า ลูกค้าที่ยอมจ่ายแพง คิดหรือรู้สึกอย่างไร ต้องการของแบบไหน และทำแบบไหนถึงจะ “ได้ใจ” ลูกค้ากลุ่มนี้
“บางคนเป็นเศรษฐีต่างจังหวัด หอบเงินสดมาให้ผมเป็นล้านบาท ขอแค่ให้เปลี่ยนวอลเปเปอร์ในห้องที่ให้บริการเป็นสีทองทั้งหมด เพราะชอบสีทอง ผมก็แต่งให้นะ เราเปลี่ยนวอลเปเปอร์ครั้งละ 3-4 หมื่นบาท แต่เขามาทำร้อยทอง 1.4-1.6 ล้านบาท ต่อให้อีกคนจะขอเปลี่ยนอีกสีผมก็ทำให้ได้” วสินธ์บอกการบริการ ถึงใจและจัดเต็ม เพื่อลูกค้าคนพิเศษของเขา
โดยยกความดีให้ทีมงานมืออาชีพ ที่เขาบอกว่า มี Service Mind และบริการลูกค้าจากใจจริง สุดท้ายจึงได้ความรักและเอ็นดูจากลูกค้า
“ผมโชคดีที่ได้ทีมงานเก่งและรักองค์กร หลักการของผมคือไม่ว่าทำธุรกิจอะไรก็ตาม เราต้องจริงใจ และซื่อสัตย์ รักษาสัจจะ พอรู้ว่าใครทำงานดี สิ่งที่ผมให้กับเขา คือ ใจที่อยากเห็นเขาก้าวหน้า ไม่ใช่แค่เอาเงินไปเลี้ยงเขา แต่เขาต้องมีความก้าวหน้าในชีวิต ลูกเขา ครอบครัวเขา เกิดอะไร มีปัญหาอะไร ผมอยากรับรู้ และดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้” เขาบอกวิธีคิด
ในยุคที่การแข่งขันสุดดุเดือด คู่แข่งพร้อมจะเล่นงานและสกัดดาวรุ่งตลอดเวลา แต่สำหรับดีเอ็นเอ พวกเขากลับบอกว่า ชอบความท้าทายนี้ เพราะจะทำให้สถานเสริมความงามทุกแห่งต้องกลับมาตรวจสอบตัวเองและทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เรียกว่า ทำให้ “คลีน” ในทุกจุด ซึ่งนั่นจะส่งผลถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ ที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ในธุรกิจนี้
บริการความงามระดับไฮคลาสแห่งนี้ มีสองสาขาในประเทศไทย คือที่เอกมัยและสยามสแควร์ ซอย 5 และกำลังจะเปิดสาขาที่ 3 ที่อุดรธานี เปิดประตูสู่อาเซียน หลังพบลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างลาว และมาเลเซีย เดินทางมาทำสวยที่คลินิกของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ก่อนวางแผนขยายสาขาไปยัง ลาว กัมพูชา มาเลเซียรวมถึงประเทศจีน ที่เจรจากับหุ้นส่วนไปแล้วประมาณ 70%
“จีนเขารวยแบบเหลือเชื่อ คนมีเงินของเขาเราจินตนาการไม่ถึงเลย ผมเพิ่งไปคุยกับพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นคลินิกศัลยกรรมที่จีนมา ภาพที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ คือ ดีเอ็นเอ จะมีพาร์ทเนอร์ที่จีน เราจะนำโนว์ฮาวตัวนี้ไปให้เขา ถึงเวลาก็ส่งคุณหมอบินไปบริการ เหมือนเป็นสาขาของดีเอ็นเอที่เมืองจีน” โมเดลจับมือพาร์ทเนอร์ที่เขาว่าจะเป็นรูปแบบใกล้เคียงกันในตลาดอาเซียน
สำหรับประเทศไทย เขาบอกว่า จะขยายไม่เกิน 20 สาขา เพื่อเน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ โดยเน้นการลงทุนอย่างระมัดระวัง และประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนในทุกครั้ง ซึ่งหนึ่งความยากของธุรกิจนี้ คือ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ไม่ใช่แค่ต้องเก่ง แต่ต้องจงรักภักดีในแบรนด์และงานที่ทำด้วย ซึ่งนั่นคือสิ่งเขาให้ความสำคัญควบคู่การเติบโตของธุรกิจ
อยู่ในตลาดไฮเอ็นด์ มีรายได้หลักร้อยล้านบาท แต่เมื่อถามถึงสิ่งที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” เขากลับตอบว่า คือการ มีอิสระ มีเวลา มีปัจจัยที่จะสนับสนุนครอบครัว ญาติพี่น้อง ได้พอเพียงและเพียงพอ ตลอดจนมีกำลังที่จะ “ให้” กับศาสนาและสังคม เท่านี้ก็เป็นความสำเร็จบนความสุขสำหรับเขา..
“คนที่อยากเข้ามาทำธุรกิจ ขอแค่ให้มี Passion ในการทำงาน ผมว่าใครก็ตามที่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และทำเงินได้ด้วย เป็นคนที่ซูเปอร์โชคดีเลยนะ ซึ่งคงเจอน้อยมาก สิ่งสำคัญคือ ให้เราหา Passion ดีๆ สักอย่างที่คิดว่าจะใช้สำหรับตัวเองให้เจอ ที่สำคัญให้มองตัวเองแต่พอควร แต่มองคนอื่นให้มาก (ลูกค้า ลูกน้อง) เพื่อทำให้กับคนอื่น แล้วธุรกิจก็จะดีเอง”
.............................
Key to success
สูตรพิชิตตลาดความงามไฮเอนด์
๐ หา “พระเอก” ให้ธุรกิจ ดี แตกต่าง พิสูจน์ได้
๐ เข้าทางเพื่อนเป้าหมาย ใช้กลยุทธ์ปากต่อปาก
๐ บริการด้วย Service mind กล้า “จัดเต็ม จัดหนัก” เพื่อลูกค้า
๐ ธุรกิจต้อง “คลีน” พิสูจน์ได้ ตรวจสอบได้
๐ ทำธุรกิจต้องไม่เจ็บตัว ประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน
๐ หาพาร์ทเนอร์ เปิดทางโต ตลาดต่างประเทศ
๐ ทำธุรกิจต้องมี Passion และมองลูกค้าก่อนตัวเอง







