หัวใจดีลกับสหรัฐ หรือคือ แรร์เอิร์ธ? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

หัวใจดีลกับสหรัฐ หรือคือ แรร์เอิร์ธ? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

จีนครองและกำหนดชะตาสินแร่มากที่สุดในโลก นี่คือเหตุผลว่าทำไมสหรัฐ จึงอยู่ไม่สุข ทำดีลการค้าแลกกับสัมปทานสำรวจ ขุด ถลุง ผลิตแร่ทั่วโลก ตั้งแต่อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น จนถึงไทย

เซอร์ไพรส์กันทั้งประเทศ ทันทีที่รัฐบาลประกาศความร่วมมือ MOU แรร์เอิร์ธกับสหรัฐ ในเวทีประชุมอาเซียน

แรร์เอิร์ธ คือกลุ่มธาตุหายาก 17 ตัวที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมชิป ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ และเทคโลโลยีชั้นสูง อาทิ สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า โซลาเซลล์ รวมถึงระบบติดอาวุธทางการทหาร ซึ่งจริงๆ แล้วกลุ่มแร่หายากเหล่านี้ ไม่ได้หายากเพราะมีกระจายอยู่ตามพื้นผิวดินหิน แต่ที่ยากคือการสกัด เพราะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและต้นทุนสูงมาก และมีของเสียสารพิษมาก กระทบกับสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก

จากข้อมูลการสำรวจของทางการสหรัฐ พบว่า แรร์เอิร์ธนี้มีมากในจีน (44 ล้านตัน) บราซิล (21 ล้านตัน) อินเดีย (6.9 ล้านตัน) ออสเตรเลีย (5.7 ล้านตัน) รัสเซีย (3.8 ล้านตัน) เวียดนาม (3.5 ล้านตัน) สหรัฐ (1.9 ล้านตัน) กรีนแลนด์ (1.5 ล้านตัน) ซึ่งคือ 8 ประเทศหลักที่มีแรร์เอิร์ธมากที่สุดจากการสำรวจ ณ ตอนนี้ โดยครึ่งหนึ่งของแรร์เอิร์ธทั้งโลกที่สำรวจเจอนั้นอยู่ที่จีน

ขณะที่สถิติการถลุงแรร์เอิร์ธนั้น ก็เป็นจีนเช่นกันที่ถลุงและผลิตออกมามากที่สุด คือที่ 270,000 ตัน ขณะที่ประเทศที่ถลุงและผลิตออกมาอันดับสองคือสหรัฐ ที่ 45,000 ตัน ห่างกันลิบลับ เพราะกระบวนการผลิตนั้นมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ซึ่งลำบากในทางการเมืองสำหรับประเทศเสรีประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียง มี NGO กระบวนการประชาธิปไตยไม่เอื้อต่อการถลุงและผลิตแรร์เอิร์ธ

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ประเทศอย่างจีน กลายเป็นประเทศที่ผูกขาดอุปทานแรร์เอิร์ธ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่ได้ชื่อว่าผลิตได้ก็มากอยู่อย่างสหรัฐ หรือแม้กระทั่งออสเตรเลีย (ที่ 31,000 ตัน) ที่เทียบยังไงก็ไม่เท่า และไม่มีทางจะเท่าเพราะระบบการเมืองไม่เอื้อต่อกระบวนการ และนี่คือหัวใจที่จีนใช้บีบสหรัฐ เพื่อเอาชนะสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น

สหรัฐที่รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดปัญหาอุปทานแรร์เอิร์ธจึงไม่สามารถอยู่นิ่ง การสานสัมพันธ์และเหล่าไอเดีย ดีลพิศดาร จึงเกิดขึ้นตั้งแต่ การเสนอรวมกรีนแลนด์ที่มีแรร์เอิร์ธมากเกือบ 2 ล้านตัน การหลับตาข้างเดียวกับรัฐบาลทหารพม่าที่ปัจจุบันทำเหมืองถลุงแร่ให้จีน จนกระทั่งผลิตแร่เหล่านี้ได้สูงถึง 31,000 ล้านตันต่อปี คิดเป็นอันดับ 3 ของโลก

หรือแม้กระทั่งการกระชับความสัมพันธ์กับออสเตรเลีย การลดภาษีต่างตอบแทนให้อินโดนีเซียแลกกับสัญญาการสำรวจและถลุงแร่เหล่านี้ เช่นเดียวกับที่ไทยเราจำต้องลงนามสัญญาที่กำลังเป็นประเด็นพูดถึงตอนนี้ แม้ไทยจะมีสินแร่เหล่านี้น้อยมาก คือแค่ 4,500 ตัน ไม่สามารถเป็นผู้เล่นที่มีนัยยะสำคัญได้ และอาจจะไม่เพียงพอที่จะทำการถลุงเนื่องจากจำนวนน้อยไป ไม่คุ้ม (economy of scale)

ปัจจุบันไทยเราถึงจะไม่มีการขุดหาแร่หายากเหล่านี้ แต่ก็มีการเปิดโรงงานถลุง เรารับแร่จากจีนและผลิตส่งออกสูงถึง 13,000 ตันต่อปี คิดเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากจีน สหรัฐ และเมียนมา จำนวนที่เราผลิตนั้นเทียบเท่ากับออสเตรเลีย และไนจีเรีย แต่ถึงผลิตยังไงก็ไม่มีทางเท่าจีน พูดได้ว่าจำนวนการผลิตถลุงแร่ของทุกประเทศทั่วโลกรวมกันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่จีนผลิตได้

สรุปได้ว่าทั้งจำนวนสินแร่และปริมาณการผลิตนั้นจีนครองและกำหนดชะตาสินแร่เหล่านี้ทั้งหมด และนี่คือเหตุผลว่าทำไมสหรัฐ จึงอยู่ไม่สุข กระโดดโลดเต้นเอาดีลการค้าแลกกับสัมปทานสำรวจ ขุด ถลุง ผลิตแร่ทั่วโลก ตั้งแต่อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น จนถึงไทย เรียกว่าไปที่ไหน ก็จะดีลเรื่องนี้หมด