บางกอกแอร์เวย์ส กางแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หนุนขับเคลื่อนนโยบาย ‘ไทย’ ผงาด ‘ฮับการบิน’

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “บางกอกแอร์เวย์ส” เป็นหนึ่งในสายการบินที่มีบทบาทสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย “Aviation Hub” หรือ “ศูนย์กลางการบิน” ของประเทศไทย ทั้งในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางบิน และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ
พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า บทบาทการขับเคลื่อนนโยบาย Aviation Hub ในระดับนโยบายและสมาคม บริษัทฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ สมาคมสายการบินประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน Aviation Hub และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากฎระเบียบและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อวางรากฐานที่จำเป็นสำหรับการยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางการบินในระดับ “โครงสร้างพื้นฐานสนามบิน” บางกอกแอร์เวย์ส เป็นผู้บริหารสนามบิน 3 แห่ง คือ สมุย สุโขทัย และตราด ซึ่งมีการลงทุนปรับปรุงและขยายขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง โดยสนามบินเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเสมือน “Secondary Hubs” ที่ช่วยกระจายการเชื่อมต่อจากสนามบินหลักอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ
“เครือข่ายเส้นทางบิน” บริษัทฯ ได้ขยายและเชื่อมเส้นทางบินทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของไทยกับจุดหมายปลายทางทั่วโลก อีกทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรการบินผ่านข้อตกลงเที่ยวบินร่วม (Codeshare) กว่า 30 สายการบิน และเที่ยวบินระหว่างสายการบิน (Interline) กว่า 70 สายการบิน ซึ่งช่วยยกระดับไทยให้เป็น “จุดเชื่อมต่อ” (Transit Point) ในภูมิภาค
“ธุรกิจสนับสนุนการบินครบวงจร” บริษัทฯ มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านการบิน อาทิ Bangkok Air Catering, BFS Ground, BFS Cargo ซึ่งธุรกิจในเครือเหล่านี้ช่วยส่งเสริมระบบนิเวศการบิน (Aviation Ecosystem) ของประเทศไทยให้แข็งแรงขึ้น และมิติด้าน “ความยั่งยืน” บริษัทฯ นำร่องใช้ เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ในเที่ยวบินพาณิชย์ เพื่อให้ไทยก้าวทันมาตรฐานการบินสากลและแนวโน้มการพัฒนา การบินสีเขียว (Green Aviation)
“สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จึงเป็นทั้ง ‘ผู้ดำเนินการ’ และ ‘ผู้สนับสนุน’ ที่ช่วยวางรากฐานหลายด้าน ทั้งเครือข่ายเส้นทาง สนามบิน และการทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมาย Aviation Hub ของประเทศให้ใกล้ความจริงมากขึ้น”
พุฒิพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในอีก 3–5 ปีข้างหน้า บางกอกแอร์เวย์สมีแผนและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับการยกระดับ Aviation Hub ของไทย โดยมุ่งเน้นทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การขยายเครือข่าย และการพัฒนาบุคลากร
ด้าน “วิสัยทัศน์” บางกอกแอร์เวย์ส ยังคงเป็นสายการบินให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service) ระดับภูมิภาคชั้นนำ ที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทยกับจุดหมายปลายทางที่สำคัญของภูมิภาค มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน และพร้อมสร้างบทบาท “Regional Connector” ที่เสริมให้ประเทศไทยโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางการบิน
“โครงสร้างพื้นฐานสนามบิน” สำหรับ “สนามบินสมุย” ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ สามารถพัฒนาให้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างประเทศโดยตรง เพราะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ในขณะที่ “สนามบินตราด” อยู่ระหว่างแผนลงทุนขยายเพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการสร้าง “Eastern Hub” ของประเทศ และ “สนามบินสุโขทัย” จะเสริมบทบาทในฐานะศูนย์กลางการฝึกบุคลากรการบิน (Bangkok Air Aviation Training Center: BATC)
“เครือข่ายเส้นทางบิน” บริษัทฯ จะเพิ่มความถี่และฟื้นเส้นทางเดิม ควบคู่กับการพัฒนาเส้นทางใหม่ โดยเฉพาะจากสมุยสู่ต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้าง “Mini Hub” เพิ่มเติมนอกเหนือจากสุวรรณภูมิ ส่วน “การบริหารฝูงบิน” มีการวางแผนปรับฝูงบินให้เหมาะสมกับความต้องการและเส้นทางบิน รวมถึงพิจารณาเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้าน “บุคลากรและการบริการ” การลงทุนใน “Bangkok Air Aviation Training Center : BATC” เป็นการสร้างฐานบุคลากรคุณภาพที่จะเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมการบินไทยในระยะยาว ขณะเดียวกันยังคงยกระดับบริการผู้โดยสารเพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สอดคล้องกับมาตรฐานศูนย์กลาง (Hub) ระดับสากล และมิติด้าน “ความยั่งยืน” มุ่งดำเนินงานตามแนวทาง ESG ครอบคลุมการใช้ พลังงานสะอาด การจัดการสิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการยอมรับในระดับนานาชาติ
“กลยุทธ์ของ บางกอกแอร์เวย์ส ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแรงให้กับธุรกิจของบริษัทฯ เอง แต่ยังมีส่วนโดยตรงต่อการสร้างเครือข่ายการเชื่อมต่อสนามบินรองที่มีศักยภาพ และบุคลากรคุณภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการผลักดันประเทศไทยให้เป็น Aviation Hub ในภูมิภาค”
พุฒิพงศ์ เล่าถึง “แผนการลงทุนสำคัญ” ด้วยว่า บริษัทฯ มี “โครงการปรับปรุงสนามบินสมุย” เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก สนามบินสมุยเชื่อมต่อเส้นทางบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ และฮ่องกง โดยปัจจุบันได้รับการอนุญาตตามหลักการให้ทำการบินได้วันละ 73 เที่ยวบิน และมีแผนการปรับปรุงสนามบินสมุยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสาร เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท กำหนดเป้าหมายระยะเวลา 1-3 ปี สำหรับการดำเนินแผนปรับปรุงซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2570
ทั้งนี้ จะดำเนินการด้านรายละเอียดการออกแบบในส่วนพื้นที่อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เพิ่มจำนวน Boarding Gate (ประตูขึ้นเครื่อง) จาก 5 ประตู เป็น 7 ประตู, เพิ่มจำนวนสายพานรับสัมภาระจาก 2 สายพาน เป็น 4 สายพาน, ปรับปรุงพื้นที่ Commercial Area จาก 1,800 ตร.ม. เป็น 4,000 ตร.ม., เพิ่มจำนวนเคาน์เตอร์ Check-in อีก 10 เคาน์เตอร์ พร้อมทั้งติดตั้งระบบ CUSS : Common Use Self-Service
ส่วน “โครงการพัฒนาสนามบินตราด” โดยการขยายทางวิ่งเพื่อรองรับเครื่องบินแบบไอพ่น ซึ่งจะทำให้สนามบินตราดเป็นจุดเชื่อมต่อและรองรับเครื่องบินขนาดกลางและความต้องการในการเดินทางจากต่างประเทศด้วยงบประมาณเบื้องต้น ในเฟสแรกประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2569 ทำการปรับปรุงโดยขยายรันเวย์ สร้างลานจอดเครื่องบิน และปรับปรุงพื้นที่อาคารผู้โดยสาร







