การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล SMEs ภาคเกษตรอาหารอาเซียน | ASEAN Insight

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายในหลายด้าน หลายประเทศในอาเซียนได้เริ่มมาตรการส่งเสริม SMEs โดยเฉพาะในด้านดิจิทัลในภาคเกษตรอาหารอย่างต่อเนื่อง
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ถือเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีสัดส่วนมากกว่า 90% ของธุรกิจทั้งหมด และเป็นแหล่งสร้างงานและกระจายรายได้ที่สำคัญอย่างไรก็ตาม SMEs ส่วนใหญ่ยังเผชิญข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาดโลก พบว่า SMEs มีส่วนร่วมในการส่งออกเพียง 20% ของการส่งออกทั้งหมดในอาเซียน เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัด การปรับตัวสู่ดิจิทัลจึงเป็นกุญแจสำคัญที่เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
SMEs ในหลายอุตสาหกรรม เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล SMEs ในภาคเกษตรอาหาร หรือ Agri-SMEs ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางอาหาร กลับมีความพร้อมด้านดิจิทัลที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
จากรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า กว่า 31-55% ของ Agri-SMEs ในเอเชียและแปซิฟิกมีความพร้อมในดิจิทัลอยู่ในระดับพื้นฐานหรือไม่ได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเลย ปัญหานี้เกิดจากช่องว่างหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างระหว่างภาคธุรกิจ ซึ่งทำให้การนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นไปอย่างเชื่องช้า ช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาในด้านโครงสร้างพื้นฐานและทักษะดิจิทัล รวมถึงช่องว่างระหว่างธุรกิจแบบดั้งเดิมกับบริษัท Agri-tech สมัยใหม่ ซึ่งช่องว่างเหล่านี้ทำให้ Agri-SMEs ขาดความสามารถในการแข่งขัน
เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายดังกล่าว หลายประเทศในอาเซียนได้เริ่มมาตรการส่งเสริม SMEs ด้านดิจิทัลในภาคเกษตรอาหารอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมายกตัวอย่างเช่น อินโดนีเซียมีบริษัท Telekomunikasi Indonesia ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมและเครือข่ายรายใหญ่ โดยมีรัฐบาลอินโดนีเซียถือหุ้นหลัก มีการเปิดตัวบริการ MangoStar เป็นบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งหลายรายเป็นธุรกิจในภาคเกษตรอาหาร ให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในพื้นที่ชนบทที่ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายแบบสายหรือไฟเบอร์ออปติกได้
มาเลเซียผ่านโครงการeBerkat ที่ดำเนินการโดย Malaysia Digital Economy Corporation (MDEC) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการทางการเงินแบบครบวงจรที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือ SMEs รายย่อยที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลได้ง่ายขึ้น
สิงคโปร์ รัฐบาลเปิดตัวโครงการ SMEs Go Digital เพื่อส่งเสริมให้ SMEs ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลโดยมีบริการ CTO-as-a-Service ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประเมินความพร้อมและวางแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญและโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจของตน
ส่วนไทยมีการใช้กลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุน SMEs ในภาคเกษตรโดยมีมาตรการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการธุรกิจ เพื่อให้กลุ่มธุรกิจนี้สามารถยกระดับการทำงานด้วยเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาคเกษตรอาหารถือเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงทางอาหารในอาเซียน แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของ SMEs ยังเผชิญความท้าทายใหญ่ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การขาดเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความเหลื่อมล้ำทางโครงสร้างพื้นฐาน และทักษะดิจิทัลของผู้ประกอบการและเกษตรกร
การผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนจึงต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุม ตั้งแต่การบูรณาการนโยบายภาครัฐให้สอดคล้องทั้งด้านการเกษตร การค้า และเทคโนโลยี การสนับสนุนเชิงเทคนิคเพื่อเพิ่มทักษะ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนการเชื่อมโยงตลาดผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อลดคนกลางและสร้างรายได้ที่เป็นธรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจึงไม่ใช่แค่การมีเครื่องมือใหม่ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโต ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะยาว







