ไทยเนื้อหอม ขึ้นแท่น ‘ตัวเต็งฮับ PCB’ มากเกือบ 60 บริษัท แห่ไหลเข้าตั้งโรงงาน

ไทยเนื้อหอม ขึ้นแท่น ‘ตัวเต็งฮับ PCB’ มากเกือบ 60 บริษัท แห่ไหลเข้าตั้งโรงงาน

ท่ามกลางคลื่นลงทุนที่ไหลบ่าออกจากจีน ด้วยแรงบีบจากสหรัฐ ‘ไทย’ กำลังกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ฟันเฟืองสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน AI บริษัทชั้นนำจากจีน และไต้หวันเกือบ 60 ราย เร่งเข้ามาปักฐาน หวังใช้ไทยเป็น “ฮับ PCB” ถัดจากจีน

ท่ามกลางเทรนด์ใหญ่โลกที่มุ่งสู่ “ยุคปัญญาประดิษฐ์” (AI) จนทำให้มูลค่าบริษัทต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานชิป AI พุ่งทะยานขึ้น แม้ “ไทย” จะไม่ใช่ผู้สร้างนวัตกรรมล้ำหน้าอย่างจีนหรือสหรัฐ แต่ก็ไม่ต้องการตกขบวนรถนี้ โดยไทยตั้งเป้ามุ่งเป็น “ฮับผลิตแผงวงจรพิมพ์” (PCB) ระดับโลก ท่ามกลางกระแสทุนต่างชาติที่กำลังไหลออกจากจีนด้วยแรงบีบสหรัฐ และเข้ามายังอาเซียนแทน

สำหรับ “แผงวงจรพิมพ์” หรือ Printed Circuit Board (PCB) ถือเป็นแผ่นวงจรที่มีเส้นลวดลายทองแดง สำหรับให้วางชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ไม่ว่าชิป ตัวต้านทาน ตัวเก็บประจุ ขั้วต่อไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่ง PCB เปรียบเหมือน “โครงสร้างพื้นฐาน” ของโลกอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญไม่แพ้ชิปฝึก AI ในการทำให้สมาร์ตโฟน รถยนต์ เซิร์ฟเวอร์ AI ไปจนถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำงานได้จริง

ไทยเนื้อหอม ขึ้นแท่น ‘ตัวเต็งฮับ PCB’ มากเกือบ 60 บริษัท แห่ไหลเข้าตั้งโรงงาน

- แผงวงจรพิมพ์ หรือ PCB (Printed Circuit Board) -

เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียรายงานว่า ในขณะนี้ จังหวัด “พระนครศรีอยุธยา” กำลังเนื้อหอม กลายเป็นบ้านใหม่ของการผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) โดยล่าสุด บริษัท “Victory Giant Technology” (VGT) ผู้ผลิต PCB รายใหญ่ของจีน และซัพพลายเออร์สำคัญของบริษัทชิป Nvidia กำลังเร่งติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ในโรงงานแห่งที่สองในไทย หลังเพิ่งซื้อกิจการจาก APCB Group ของไต้หวันได้ไม่ถึงปี

VGT ไม่ได้อยู่เพียงรายเดียว “Gold Circuit Electronics” (GCE) ของไต้หวัน ซึ่งผลิต PCB สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายของ Nvidia ก็เดินสายการผลิตในโรงงานแห่งแรกที่ไทยเต็มกำลัง

ขณะที่ “Zhen Ding Tech” และ “Unimicron” สองยักษ์ใหญ่ PCB ระดับโลกก็เข้ามาจับจองพื้นที่เช่นกัน

ผู้ผลิต PCB หลายรายยอมรับว่า “ความต้องการ AI” คือ แรงขับเคลื่อนที่ทำให้ไทยถูกเลือกเป็นฐานการผลิตใหม่ โดย “Victory Giant” อาศัยกระแสความรุ่งเรืองของ AI จนมีมูลค่าตลาดทะลุ 32,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Zhen Ding Tech ผู้ผลิต PCB รายใหญ่ที่สุดของโลกในแง่รายได้ ที่มีมูลค่า 5,970 ล้านดอลลาร์ สะท้อนว่าการเกาะกระแส AI ช่วยเร่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

“ซัพพลายเออร์รายใดก็ตามที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานด้าน AI กำลังเป็น ‘ตัวหลัก’ ที่ช่วยผลักดันอุตสาหกรรม PCB ของไทย ให้เกิดขึ้น และเติบโตขึ้นมา” ผู้จัดการจาก Ta Liang Technology ผู้จัดหาเครื่องจักรการเจาะรายสำคัญที่ให้บริการผู้ผลิต PCB กล่าว

ส่วนผู้จัดการของ “KCE” ผู้ผลิต PCB รายใหญ่ที่สุดของไทยเผยกับสำนักข่าวนิกเคอิว่า “แม้ความต้องการยานยนต์ยังคงอ่อนตัว แต่เราได้จัดหาที่ดินไว้แล้ว ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะขยายกำลังการผลิตสำหรับโรงงานใหม่เมื่อใด” โดย KCE เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต PCB สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ

ศูนย์ยุทธศาสตร์นานาชาติด้านอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของไต้หวัน (Industry, Science and Technology International Strategy Center) คาดการณ์ว่า มูลค่าการผลิต PCB ในประเทศไทย จะเติบโตจาก 3,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 เป็น 5,620 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 7.6% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก

ทุน PCB ไหลบ่าเข้าไทย มากเกือบ 60 บริษัท 

ท่ามกลางแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดสหรัฐ-จีน และความเสี่ยงที่จีนอาจใช้กำลังทหารกับไต้หวัน เป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดยุทธศาสตร์ “Taiwan plus one” ซึ่งหมายถึง การขยายฐานผลิตออกจากไต้หวัน เพื่อกระจายความเสี่ยงทางการเมืองและซัพพลายเชน

หลังเหตุการณ์ที่แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเยือนไต้หวันในปี 2022 และจีนตอบโต้ด้วยการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ล้อมไต้หวัน นักลงทุนก็ยิ่งต้องมองหา “ที่ปลอดภัย” สำหรับห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์ “ประเทศไทย” จึงกลายเป็นเป้าหมายน่าสนใจขึ้นมา

เพียงไม่ถึง 3 ปี มีผู้ผลิต PCB จากจีนและไต้หวัน “เกือบ 60 ราย” เข้ามาตั้งโรงงานใหม่ในไทย รวมถึงผู้เล่นแถวหน้าอย่าง Unimicron, Zhen Ding Tech, Shennan Circuits และ Victory Giant การลงทุนเหล่านี้ยังช่วยดึงซัพพลายเออร์ด้านอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ ให้เข้ามาตั้งสำนักงานบริการในไทยด้วย

สำหรับไทย มีความคาดหวังสูงต่อกระแสลงทุนระลอกใหม่นี้ โดยตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็น “ศูนย์กลางการผลิต PCB” ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน แม้รัฐบาลทรัมป์จะเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 19% จากไทยก็ตาม แต่ผลกระทบต่อภาค PCB กลับมีจำกัด เนื่องจากชิ้นส่วนเหล่านี้ถูก “ส่งต่อ” ไปยังโรงงานประกอบในเวียดนาม อินเดีย และประเทศอื่นๆ ก่อนที่จะถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่ส่งออกไปยังสหรัฐ

ชาร์ลส์ เซิน ประธานบริษัท Zhen Ding Tech กล่าวว่า การขยายการลงทุนในไทย ถือเป็นส่วนสำคัญของแผนการใช้เงินลงทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวันในปีนี้ และปี 2026 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อคว้าโอกาสการเติบโตครั้งใหญ่จากความต้องการ AI

ด้านที.เจ. เจิง ประธานบริษัท Unimicron เผยว่า บริษัทกำลังขยายการลงทุนในไทย โดยได้จัดหาที่ดินไว้สำหรับสร้างโรงงานได้มากถึง 5 แห่ง หากความต้องการมีความแข็งแกร่งเพียงพอ ผลิตภัณฑ์ชุดแรกที่จะผลิตที่นี่จะรวมถึง PCB สำหรับดาวเทียม และเครื่องเล่นเกมคอนโซล อีกทั้งเจิงยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะย้ายการผลิตแผ่นสำหรับชิประดับสูงบางส่วนมาไว้ในไทยด้วย

Work-Life Balance แบบไทย ยังไม่ตอบโจทย์?

อย่างไรก็ดี การย้ายฐาน PCB เข้าไทยมามากมาย ก็มาพร้อมความท้าทายใหม่ ๆ อย่างแรกคือ  “ความต่างทางวัฒนธรรม” วิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Mitsubishi Electric Factory Automation Thailand ให้สัมภาษณ์กับนิกเคอิ เอเชียว่า มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่อง “รูปแบบการทำงาน” ระหว่างแรงงานท้องถิ่นกับผู้ประกอบการ PCB จากต่างประเทศ โดยแรงงานไทยมักคุ้นชินกับจังหวะการทำงานที่สมดุล ขณะที่ผู้ผลิต PCB จากจีน และไต้หวัน มักมีสไตล์ที่เร่งรัด และเข้มข้นกว่ามาก

“ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าชาวจีนบางรายสั่งของแล้วก็บอกว่าต้องการทันที ขณะที่พนักงานของผมถึงกับตกใจ และบอกว่า ‘ไม่ได้นะ ๆ ๆ’ … ผมเองก็มีทีมขายจากจีน ซึ่งเวลาเขาคุยกับทีมโลจิสติกส์ของผม ทีมโลจิสติกส์ก็ปรับตัวไม่ทันในช่วงแรก” วิเชียร กล่าว “ความแตกต่างทางวัฒนธรรม และสไตล์การทำงานลักษณะนี้ จำเป็นต้องปรับตัว หากต้องการทำงานร่วมกับลูกค้า PCB จากไต้หวันหรือจีนอย่างมีประสิทธิภาพ”

'พูดจีนได้' คือใบเบิกทาง ในศึกชิงวิศวกร PCB

ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือ “การหาวิศวกรให้เพียงพอ” โดยวิเชียรชี้ว่า แม้ไทยมีวิศวกรจำนวนมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยัง “ขาดแคลน” ในอุตสาหกรรม PCB

ด้านจอห์น โครนิน ผู้จัดการฝ่ายคุณภาพของ WTT Technologies ผู้ผลิต PCB จากจีนระบุว่า วิศวกร และพนักงานออฟฟิศที่สามารถ “พูดภาษาจีนได้” กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในอุตสาหกรรม PCB ของไทย และขณะนี้ก็กำลังเกิด “สงครามชิงตัวบุคลากร” อย่างร้อนแรงในประเทศ

ผู้บริหารจากผู้ผลิตวัสดุสำหรับ PCB รายหนึ่งในไทยเปิดเผยกับนิกเคอิว่า ขณะนี้เงินเดือนพนักงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

“เราพบว่าเงินเดือนของผู้จัดการสายการผลิตที่มีประสบการณ์ เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวภายในเวลาเพียง 2-3 ปีที่ผ่านมา เดิมทีเมื่อไม่กี่ปีก่อนอยู่ที่ราว 40,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้ท่ามกลางสงครามแย่งชิงบุคลากร เงินเดือนสำหรับคนที่มีประสบการณ์สามารถสูงถึง 80,000–100,000 บาทต่อเดือน และก็ยังคงมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีประสบการณ์อย่างรุนแรง” ผู้บริหารรายนี้กล่าว

มาร์ติน เหลียว ที่ปรึกษาด้านความร่วมมือ และบูรณาการธุรกิจของสมาคมแผงวงจรพิมพ์ไทย และเป็นผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรม PCB ที่มีประสบการณ์ยาวนานหลายทศวรรษในจีน และไต้หวัน มองว่า การพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอ ถือเป็น “ความท้าทายที่สำคัญที่สุด” สำหรับไทยในการสร้างอุตสาหกรรม PCB ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน

เขาเสริมว่า ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ สมาคมกำลังจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม เพื่อให้ความรู้ และเตรียมความพร้อมแก่บุคลากรรุ่นใหม่สำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และ PCB

ต้นทุนผลิตสูงกว่า–ระบบนิเวศยังไม่ครบเครื่อง

อีกความท้าทายในการใช้ไทยเป็นฐาน คือ “ต้นทุนผลิต” ผู้บริหารชาวจีนรายหนึ่งซึ่งทำงานด้านเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับการผลิต PCB เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้นทุนด้านบุคลากรในการผลิตในประเทศไทยสูงกว่าจีนราว “3 เท่า” หากคำนวณรวมทั้งประสิทธิภาพ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เข้าด้วยกัน

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคนจากสายการผลิตในจีนหรือไต้หวันที่เต็มใจย้ายมาทำงานในไทย บริษัทจึงจำเป็นต้องเสนอแรงจูงใจ และเงินอุดหนุนที่สูงมากเพื่อผลักดันให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้” ผู้บริหารรายนี้กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ผลิต PCB หลายราย รวมถึงซัพพลายเออร์ด้านอุปกรณ์ และวัสดุ เปิดเผยกับนิกเคอิว่า แม้ปัจจุบันจะมีโรงงานใหม่เกือบ 60 แห่งในไทย แต่ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมนี้ ยังคงอยู่ใน “ช่วงเริ่มต้น” และยังต้องพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ และวัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิต พวกเขากล่าวเพิ่มเติมว่า จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าคลัสเตอร์ PCB ของไทยที่กำลังเกิดขึ้นใหม่นี้ จะผ่านช่วงการเรียนรู้ที่จำเป็น และสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างมั่นคง

“วัสดุขั้นสูงทั้งหมดจำเป็นต้องนำเข้า อีกทั้งยังมีต้นทุนด้านการขนส่ง คลังสินค้า แรงงาน และความแตกต่างของรูปแบบการทำงานที่ต้องนำมาคิดรวมด้วย” ผู้บริหารซึ่งทำงานในอุตสาหกรรม PCB มานานกว่า 20 ปีกล่าว “สถานการณ์ตอนนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในจีนเมื่อราว 20-30 ปีก่อน ตอนที่ห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ๆ”

หยวน-ซุง ชาง นักวิเคราะห์เทคโนโลยีผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม PCB จากสถาบัน ISTI คาดว่า ผู้ผลิต PCB ต่างชาติในไทยจะค่อยๆ เพิ่มการผลิต PCB ระดับกลางถึงระดับสูงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าการผลิตของประเทศเติบโตต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายนี้เตือนว่า พลวัตทางเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ รวมถึงต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม PCB ของไทย

ขณะที่ชิว ซื่อฟาง นักวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจไต้หวัน มองสถานการณ์ปัจจุบันของไทยอย่างระมัดระวัง โดยกล่าวว่า “ทิศทางของการเป็นฮับ PCB ในไทย ยังไม่ชัดเจนในเวลานี้ สาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนของอุปสงค์ในตลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐ”

นักวิเคราะห์อาวุโสรายนี้ยังเสริมว่า ผู้ผลิต PCB รายใหม่จำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่งสร้างสายการผลิตเพียง 1–2 สายเท่านั้น “การที่พวกเขาจะขยายไปสู่ระดับการผลิตเชิงเศรษฐกิจหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี” นักวิเคราะห์รายนี้กล่าว

โดยสรุป ไทยกำลังอยู่ในจุด “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็น “ฮับการผลิต PCB โลก” ท่ามกลางโอกาสกระแสทุนแห่ไหลเข้า หากสามารถอุดจุดอ่อนเรื่องฝีมือแรงงาน ต้นทุน และระบบนิเวศในประเทศได้สำเร็จ ไทยอาจได้กลายเป็น “ฐานที่สาม” ของห่วงโซ่เทคโนโลยีโลก ถัดจากจีน และไต้หวัน
 

 

อ้างอิง: nikkei

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์