รถไฟฟ้า 20 บาท ได้มากกว่าเสีย? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

รถไฟฟ้า 20 บาท ได้มากกว่าเสีย? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

วิเคราะห์รถไฟฟ้า 20 บาทได้หรือเสียมากกว่ากัน แน่นอนว่าผลประโยชน์จากนโยบายนี้จะตกถึงประชาชน แต่รัฐก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้โปร่งใส ไม่เอื้อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

อีกไม่นานเกินรอคนไทยจะได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย

หากคิดในเชิงกำไรขาดทุน ก็จะพบว่าโครงการนี้รัฐจะต้องชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนต่างให้กับรถไฟสายต่างๆ ของทั้งรัฐวิสาหกิจและเอกชนรวมกว่า 5-7,000 ล้านบาทต่อปี และประมาณการว่าผลลัพธ์จะช่วยลดเม็ดเงินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท แล้วตัวเลขหมื่นล้านนี้มาจากไหน?

1. ค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจะประหยัดจากการใช้รถ 7,360.43 ล้านบาท 2. ตัวเลขที่ประเมินจากค่าความสุข และการลดมูลค่าความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุ 2,612.02 ล้านบาท และ 3.การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 77.28 ล้านบาท รวมทั้ง 3 ข้อที่ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมมูลค่ากว่า 10,049.73 ล้านบาท

หากถามว่าคุ้มไหม? ก็ต้องตอบว่าแล้วใช้อะไรเป็นเกณฑ์ หากใช้ประโยชน์สาธารณะเป็นเกณฑ์ ก็คงต้องตอบว่าคุ้ม เพราะเห็นผลประโยชน์เป็นเนื้อเป็นหนัง เทียบง่ายๆ งบใกล้ๆ กันที่ 5,000 ล้านนี้ เราใช้ไปกับนโยบาย Soft power ตั้งแต่เริ่มสมัยรัฐบาลที่มีนายกฯเศรษฐา เป็นผู้นำ จนขณะนี้ก็ล่วงมาเกินครึ่งค่อนสมัยแล้ว ดอกผลของ 5,000 ล้านนี้ ก็ยังไม่ชัดเจน

แต่หากถามว่า ยุติธรรมไหม? ที่จะเอางบประมาณแผ่นดินมาลงใช้ที่กรุงเทพฯ คำตอบก็ขึ้นกับทรรศนะการมอง

ประเทศไทย หรือจะให้ชัดคือ กรุงเทพฯ นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองใหญ่ที่มีทั้งค่าเดินทางเฉลี่ยต่อหัว และเวลาเดินทางเฉลี่ยไปทำงานมากที่สุดติดอันดับโลก เพราะระบบขนส่งเราไม่ครอบคลุม และมีราคาแพง ดังนั้นนโยบายนี้จะช่วยแก้จุดนี้โดยตรง และที่สำคัญที่สุดจะช่วยกระจายความเจริญของเมืองออกไป ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการพัฒนาอสังหาฯ โดยรอบของเมือง

นอกเหนือจากผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ หัวใจที่สำคัญที่สุดของนโยบายนี้คือการยกระดับความสุขของคนกรุงเทพฯ ยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น เมื่อคนทำงานมีเวลาเพิ่มขึ้น ก็สามารถหาความสุขในตัวเพิ่มขึ้น ออกกำลังกายลดค่าใช้จ่ายสาธารณสุขของรัฐ หรือใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ลดปัญหาสังคมและอาชญากรรม หรือใช้เวลาไปสังสรรค์หรือทำงานเพิ่ม ทำให้เกิดผลประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจ

เช่นเดียวกับปัญหารถติดที่จะดีขึ้น มลพิษจะลดลง ซึ่งสมมุติฐานนี้ก็ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วในช่วงที่รัฐบาลประกาศให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ทำให้รถติดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ชีวิตคนเมืองดีขึ้น เพราะมลพิษลดลง ถือเป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายในทางสาธารณสุขทั้งจากรัฐและจากกระเป๋าประชาชนที่จะประหยัดได้มากขึ้น

งบประมาณแผ่นดินไทยของเราแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 3,780,600 ล้านบาท ดังนั้นงบของนโยบายนี้ที่ประมาณ 5,000 ล้านจึงถือเป็นยิ่งกว่าเศษเสี้ยว คิดเป็น 0.13% ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด แต่ผลลัพธ์นั้นจะเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง เต็มเม็ดเต็มหน่วย เห็นเป็นเนื้อเป็นหนัง มากกว่างบเรือดำน้ำ งบ Soft power หรือแม้กระทั่งงบดูงานของหน่วยงานของรัฐ

ดังนั้นหากวิเคราะห์ด้วยสมองและหัวใจที่เป็นธรรม นโยบายนี้จึงเป็นนโยบายที่มีความตั้งใจดีที่ควรสนับสนุนอย่างยิ่ง แต่รัฐก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้โปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ