AIS ปูพรมโครงข่ายดิจิทัล EEC หนุนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ดึงเงินทุนโลก

AIS เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเต็มรูปแบบในพื้นที่ EEC รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะ สมาร์ทซิตี้ และระบบโลจิสติกส์สมัยใหม่ สร้างความเชื่อมั่นดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พลิกเศรษฐกิจไทยสู่ยุคใหม่
สมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน หัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) เปิดเผยว่า AIS ได้เร่งเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายดิจิทัลในพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคตะวันออก โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เนื่องจากพื้นที่นี้ถือเป็นหัวใจสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การเกษตร และภาคบริการ
“เรามองว่า EEC เป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจดิจิทัล และการลงทุนจากต่างประเทศ AIS จึงเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่” นายสมภพ กล่าว
ปัจจุบัน AIS ขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุมกว่า 95% ของพื้นที่ประเทศ โดยเฉพาะใน EEC AIS วางโครงข่ายครบทั้ง 5G ไฟเบอร์ออปติก ระบบไมโครเวฟสำรอง โครงข่ายใต้ทะเล ครอบคลุมท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินอู่ตะเภา สถานีรถไฟความเร็วสูง และเกาะสำคัญอย่างเกาะล้าน เกาะช้าง เกาะเสม็ด เพื่อเสริมเสถียรภาพการเชื่อมต่อทั้งในภาคการผลิตและการท่องเที่ยว
ผลักดันอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยโครงข่ายที่เข้าใจธุรกิจ
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า แม้จะมีความพยายามขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 แต่ปัจจุบันกว่า 60% ของโรงงานในไทยยังอยู่ที่อุตสาหกรรม 2.0 และมีเพียง 2% ที่ปรับตัวสู่ 4.0 ได้อย่างแท้จริง
AIS จึงพัฒนาโซลูชันดิจิทัลเฉพาะทาง อาทิ Private 5G Network, IoT, AI, Big Data ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์แต่ละโรงงาน ไม่ใช่แค่การขายซิมหรืออินเทอร์เน็ต แต่ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุน และสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจที่จับต้องได้
“โรงงานต้องการมากกว่าแค่สัญญาณแรง ต้องได้เทคโนโลยีที่กลายเป็นเครื่องมือเพิ่มกำไร” นายวสิษฐ์ กล่าว
ตัวอย่างความสำเร็จ เช่น โรงงานสยามโตโยต้า ที่ AIS เข้าไปติดตั้ง Private 5G และ IoT เพื่อควบคุมสายการผลิตให้ยืดหยุ่นตามการเคลื่อนย้าย ตรวจสอบพลังงาน ลดความผิดพลาด และเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์
พันธมิตร-เทคโนโลยี-คน ขับเคลื่อนไทยสู่ฮับดิจิทัล
AIS ไม่ได้หยุดเพียงการวางโครงข่าย แต่ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐ เช่น BOI, EEC HDC, สถาบันไทย-เยอรมัน เพื่อพัฒนาบุคลากรด้าน 5G, IoT, AI และ Big Data สร้างฐานทักษะรองรับอุตสาหกรรมใหม่
นอกจากนี้ AIS ยังทำหน้าที่เป็น “โค้ช” และที่ปรึกษา ช่วยโรงงานออกแบบโครงการขอรับสิทธิประโยชน์ BOI และ EEC รวมถึงพัฒนาโซลูชัน Smart Logistics, Smart Supply Chain และ Smart Manufacturing ที่แสดงผลลัพธ์เชิงธุรกิจได้อย่างชัดเจน
ใช้เทคโนโลยีจริง วัดผลได้จริง Use Case ที่ AIS พัฒนาสำเร็จแล้วใน EEC อาทิ
- ท่าเรือแหลมฉบัง ใช้ IoT ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์แบบเรียลไทม์
- โรงงานสยามโตโยต้า ใช้ 5G ควบคุมสายการผลิต
- โรงงานเคมี ใช้ NB-IoT ตรวจสอบความปลอดภัย
- ห้องทดลอง ITAP ใช้ 5G ควบคุมเครื่องจักรจากระยะไกล
AIS ย้ำว่าการเข้าสู่ยุค Smart Manufacturing ไม่ได้เกิดจาก 5G หรือไฟเบอร์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีระบบหลังบ้านที่ประสานงานกันครบวงจร และพันธมิตรที่เข้าใจทั้งโครงสร้างและธุรกิจ
สร้างสมาร์ทซิตี้จริง เชื่อมเศรษฐกิจดิจิทัลครบวงจร
วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า การสร้างสมาร์ทซิตี้ใน EEC ไม่ใช่เพียงการสร้างตึกสูงหรือถนน แต่คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลครบวงจร ทั้งไฟเบอร์ใยแก้ว 5G ระบบพลังงานสะอาด ดาต้าเซ็นเตอร์ โรงพยาบาล โรงเรียน และระบบสาธารณูปโภคที่ยั่งยืน
AIS เป็นพันธมิตรหลักของอมตะ ในการวางโครงข่ายใยแก้วใต้ดิน 5 เส้นทาง เชื่อมโยงดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก เช่น NTT และ GSA รวมถึงสร้าง Collaboration Center ที่แสดง Use Case จริงจากอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการและนักลงทุน
“Smart City ต้องมีพันธมิตรเทคโนโลยีที่เข้าใจทั้งโครงสร้างและธุรกิจ AIS คือหนึ่งในนั้น” นายวิวัฒน์ กล่าว
EEC ห้องเครื่องที่เป็นอนาคตเศรษฐกิจใหม่
วิวัฒน์ สรุปว่า นักลงทุนในปัจจุบันมองทุกมิติ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน กฎหมาย ความเสถียรของภาครัฐ จนถึงความเร็วในการเปิดดำเนินการโรงงาน ซึ่งต้องไม่เกิน 7-8 เดือน และ AIS คือผู้ที่ทำให้โครงข่ายดิจิทัลใน EEC พร้อมรองรับความต้องการนี้
“นักลงทุนสมัยนี้ไม่ได้ดูแค่ทำเล แต่ดูทั้งระบบ EEC และโครงสร้างดิจิทัลที่พร้อมคืออนาคตของเอเชีย” นายวิวัฒน์ กล่าว







