ราคาน้ำมันดิบ ร่วงลงกว่า 2% หลังทรัมป์ชะลอการโจมตีอิหร่าน

ราคาน้ำมันดิบ ร่วงลงมากกว่า 2% ในวันศุกร์ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ชะลอการโจมตีอิหร่าน เปิดทางให้มีการเจรจาโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน หวังยุติสงครามอิสราเอล-อิหร่าน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 2% ในวันศุกร์ (20 มิ.ย.) เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชะลอการให้ความช่วยเหลืออิสราเอลในการทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นสมาชิกของโอเปก
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของโลกร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 77.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ (ราคาน้ำมันWTI) ลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.73% ปิดที่ 73.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเขาจะตัดสินใจโจมตีอิหร่านหรือไม่ ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า แต่ต้องการเปิดพื้นที่สำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐอิสลาม
“จากข้อเท็จจริงที่ว่ามีโอกาสสูงที่การเจรจาจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นกับอิหร่านในอนาคตอันใกล้นี้ ผมจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการภายในสองสัปดาห์ข้างหน้าหรือไม่” ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ซึ่งอ่านโดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดี
แม้ว่าทรัมป์จะยับยั้งตัวเอง แต่อิสราเอลกลับเพิ่มระดับการโจมตีอิหร่านหลังจากความขัดแย้งยาวนาน 8 วัน นายอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู สั่งกองทัพอิสราเอลให้เพิ่มการโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์และรัฐบาลในอิหร่าน หลังจากขีปนาวุธของอิหร่านโจมตีโรงพยาบาลหลักแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอิสราเอล
กองทุนเฮดจ์ฟันด์แห่เก็งกำไรน้ำมันขาขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้เพิ่มสถานะการเก็งกำไรในน้ำมันดิบเบรนท์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เนื่องจากการโจมตีของอิสราเอลต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ทำให้ภูมิภาคที่ผลิตน้ำมันประมาณหนึ่งในสามของโลกตกอยู่ในความเสี่ยง
ผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสถานะซื้อสุทธิเพื่อเก็งกำไรน้ำมันโลกเป็น 76,253 ล็อต รวมเป็น 273,175 ล็อต ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบแปดเดือนในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 มิถุนายน ตามข้อมูลจาก ICE Futures Europe ขณะที่สถานะขายชอร์ตอย่างเดียวลดลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่าสี่เดือน ราคาน้ำมันดิบตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 13% เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน หลังจากที่อิหร่านและอิสราเอลยกระดับความขัดแย้งที่กดดันตลาดน้ำมันโลกมานานกว่า 20 เดือน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่กระทบต่อปริมาณการผลิตจริง เทรดเดอร์จำนวนมากจึงมีแนวโน้มที่จะทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยง (hedging) เผื่อกรณีที่ความขัดแย้งจะลุกลามในตะวันออกกลาง หรืออาจเกิดการลดลงของปริมาณน้ำมันที่ขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้กระแสการถือสถานะเก็งกำไรขาขึ้นมีความชัดเจนมากขึ้นในข้อมูลสถานะการลงทุนจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ด้วย
ช่องแคบฮอร์มุซ ถือเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญมาก หากมีการปิดหรือจำกัดการขนส่งผ่านเส้นทางนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดน้ำมันโลก
นักวิเคราะห์บางคนได้คาดการณ์ไว้ว่า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ ในอีกด้านหนึ่งของตลาด อัตราความผันผวนที่สะท้อนอยู่ในออปชันน้ำมันดิบเบรนท์ได้พุ่งขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่การรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 ขณะเดียวกัน ค่าพรีเมียมในทิศทางขาขึ้นของน้ำมันก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน







