แคนดิเดต 2 คนใน-1 คนนอก ชิงดำ MD EXIM BANK รู้ผล 20 มิ.ย.นี้

จับตา 20 มิ.ย. กก.สรรหาฯ เคาะ MD EXIM BANK หลังลากมา 6 เดือนจนส่อพิรุธ “2 คนใน-1 คนนอก” ชิงดำ ชูคิดนอกกรอบ เหนือวัฒนธรรมองค์กร
รายงานข่าวจาก ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) (Export-Import Bank of Thailand หรือ EXIM BANK) ถึงความคืบหน้ากระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการ (MD) คนใหม่ ซึ่งเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเป็น MD EXIM BANK ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2568 โดยมีผู้สนใจสมัครรวม 3 ราย และทั้งหมดได้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 แต่ยังไม่มีกำหนดว่าจะได้ตัว MD EXIM BANK เมื่อใด ล่าสุดคณะกรรมการสรรหาฯ ได้นัดประชุมในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ซึ่งคาดว่าจะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาผู้ที่สมควรเข้าดำรงตำแหน่ง MD EXIM BANK โดยอาจเลือกเพียงรายชื่อเดียว หรือเรียงลำดับ 1-3 ตามคะแนน เพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการ (บอร์ด EXIM BANK), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาเห็นชอบตามลำดับ ก่อนที่ กระทรวงการคลัง จะนำเสนอ ครม. เพื่อลงมติอนุมัติแต่งตั้งในขั้นสุดท้าย และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป หลังจากที่กระบวนการสรรหาครั้งนี้ล่าช้ากว่าปกติ เนื่องจากต้องรอการแต่งตั้งทั้งในส่วนของบอร์ด และกรรมการสรรหาฯ ใหม่แทนผู้ที่ลาออก
อย่างไรก็ดี ความล่าช้าของกระบวนการสรรหาฯ ที่เกิดขึ้น ไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจน หรือกำหนดการที่แน่นอนจากคณะกรรมการสรรหาฯ อีกทั้งการแต่งตั้ง 2 ส่วนที่หยิบยกขึ้นมาอ้างนั้น ก็เสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 หลังวันปิดรับสมัครไม่นาน จึงไม่น่าใช่เหตุผลที่แท้จริง เป็นผลให้เกิดกระแสข่าวภายใน EXIM BANK และแวดวงการเงินว่า อาจเป็นเพราะคณะกรรมการสรรหาฯ มีประเด็นเกี่ยวกับแคนดิเดต 3 รายที่ต้องพิจารณารัดกุมเป็นพิเศษ
ทั้งในเรื่องคุณสมบัติ ประสบการณ์ รวมไปถึงทัศนคติ โดยในส่วนของ ดร.กานต์ ปฏิเวธวรรณกิจ อดีตหัวหน้าคณะสายงานบัญชีและการเงิน (CFO) ของ Asset World Corp Public Company Limited (AWC) ถือว่ามีประสบการณ์ด้านการเงินที่กว้างและชัดเจน ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ แต่ติดที่เป็นคนนอกจากภาคเอกชนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน จึงอาจเกิดแรงต้านภายในองค์กรได้
อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในแง่ความผูกพันกับ EXIM BANK ก็จะพบว่า แคนดิเดตอีก 2 ราย ซึ่งเป็นผู้บริหารปัจจุบันของ EXIM BANK ทั้ง ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนายชลัช รัตนบุญนิธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ก็ไม่ใช่ลูกหม้อที่เติบโตภายในองค์กร
แต่ทั้ง ดร.เบญจรงค์และนายชลัช เพิ่งเข้ามาร่วมงานและได้รับการแต่งตั้งเป็นระดับบริหารของ EXIM BANK เมื่อปี 2565 นี้เอง
นอกจากนี้
ในส่วนของ ดร.เบญจรงค์ หรือ ดร.นะโม ที่ระยะหลังถือว่ามีความโดดเด่นในกลุ่มผู้บริหารสถาบันการเงิน แต่ไม่ได้ผ่านสายงานสินเชื่อ ซึ่งถือเป็นสายงานสำคัญอย่างมากในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมาดร.เบญจรงค์มีประสบการณ์ในการช่วยแก้ปัญหาสินเชื่อรถยนต์ให้กับพอร์ตสินเชื่อของธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ในช่วงที่มีปัญหาหนี้ NPL จำนวนมากจนประสบความสำเร็จมาแล้ว
ส่วนประเด็นข้อสังเกตในฐานะบุตรชายของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตนักการเมืองชื่อดัง รวมถึงมีประวัติเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ที่จนถึงปัจจุบันก็ยังปรากฏเป็น Digital Footprint บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และถูกส่งให้คณะกรรมการสรรหาฯ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
ขณะที่ นายชลัช นั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่า 3 ปีที่เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ถูกเปลี่ยนสายงานดูแลทุกปี ส่งผลให้มีคำถามในแง่ความเชี่ยวชาญที่ยังไม่ชัดเจนมากนัก และอาจติดเรื่องคุณสมบัติที่ในประกาศรับสมัครระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร และเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรหรือเทียบเท่า N-1 ขององค์กรอย่างน้อย 1 ปีนับถึงวันที่ยื่นใบสมัคร
ซึ่งนายชลัช ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ถือเป็นผู้บริหารลำดับ 3 หรือ N-2 ขององค์กรเท่านั้น นอกจากนี้ในชั้นสัมภาษณ์กับคณะกรรมการสรรหาฯ นายเบญจรงค์ และนายชลัช ยังถูกซักถามเกี่ยวกับผลประกอบการที่ตกต่ำของ EXIM BANK ช่วงที่ทั้งคู่ร่วมอยู่ในฝ่ายบริหารด้วย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า จากความล่าช้าของกระบวนการสรรหาฯ ดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และความกังวลภายใน EXIM BANK ตลอดจนลูกค้า ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก ซึ่งกำลังประสบปัญหาจากภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลก ตลอดจนนโยบายปรับขึ้นภาษีตอบโต้รายประเทศ (Reciprocal Tariffs) ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่หวังให้ EXIM BANK เข้ามามีบทบาทสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้น และอาจจะเกิดขึ้น แต่กลับไม่มีนโยบายหรือมาตรการพิเศษที่เข้ากับสถานการณ์ออกมา เนื่องจากไม่มีผู้บริหารเบอร์ 1 ตัวจริง แม้ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2568 จะมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ เกิน 1 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นช่วงการบริหารของ MD คนเก่า
ขณะที่ความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กให้เข้าถึงแหล่งทุน รวมถึงให้คำปรึกษานั้น ก็เหมือนเป็นโครงการในแง่การประชาสัมพันธ์มากกว่าความช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งยังมีอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งทุน
ขณะเดียวกัน EXIM BANK เองก็มักถูกวิจารณ์ว่าบริหารสินเชื่อได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้จะมีทุน (Equity) เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงาน แต่การบริหารความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อกลับลดลง สะท้อนผ่านอัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ที่สูงกว่าสถาบันการเงินอื่นมาตลอด ขณะที่ตัวเลขยอดสินเชื่อ NPL ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ที่บางช่วงสูงขึ้นเกือบ 1 เท่าตัวภายในปีเดียว หรือยอดหนี้เสียจากหลัก 4 พันล้านบาทไปเป็น 8 พันล้านบาท ซึ่งคงไม่สามารถผลักความรับผิดชอบให้ MD เพียงผู้เดียว แต่สะท้อนให้เห็นถึงความบกพร่องของฝ่ายบริหาร EXIM BANK ทั้งหมดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ต้องร่วมรับผิดชอบ
นอกจากนี้ EXIM BANK ควรมีความรู้ความสามารถด้านการเงินในทุกมิติ ทั้งในแง่ของการวิเคราะห์เพื่อแสวงหาแหล่งทุนดำเนินงานเพิ่มเติมให้กับธนาคาร และด้านการบริหารสินเชื่อเพื่อแก้ปัญหาหนี้เสียที่เกิดขึ้นแล้ว รวมถึงควบคุมหนี้เสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ให้สูงกว่าที่ควร ที่สำคัญยังต้องมีความเข้าใจรูปแบบการทำธุรกิจของภาคเอกชน เพื่อกำหนดและขับเคลื่อนบทบาทของ EXIM BANK ที่กลุ่มเป้าหมายจะไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก-นำเข้าเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve) โดยร่วมสร้างหรือเชื่อมโยงให้เกิด Ecosystem สำหรับภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และการลงทุน เพื่อสร้างนิเวศแห่งการลดต้นทุนและเสริมสร้างการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ควบคู่ไปกับมาตรการสนับสนุนทางการเงินของธนาคารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
และในฐานะที่ EXIM BANK มีโอกาสเป็นประตูแรกๆ ตลอดจนแสวงหาเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับประเทศ ช่วงที่ภาคส่งออก หรืออาจรวมถึงภาคท่องเที่ยว ชะลอตัว ซึ่งจุดนี้จำเป็นต้องมีความกล้า และหลุดจากกรอบเดิมๆ ของ EXIM BANK ให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก และสร้าง Ecosystem ด้านการเงินให้ภาคธุรกิจมีความกล้าที่จะเข้าไปแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย







