ราคาน้ำมันดิบลดลง จากความหวังสันติภาพยูเครน-รัสเซีย

ราคาน้ำมันดิบลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ ผู้ค้าคาดหากคู่สงครามรัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ อาจทำให้อุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลก วันศุกร์ (14 ก.พ.)ว่า ราคาน้ำมันดิบ ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีแนวโน้มว่ารัสเซียและยูเครนอาจจะสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาอุปทานน้ำมันดิบของโลกได้ด้วยการยุติการคว่ำบาตรมอสโก แต่ราคาน้ำมันที่ลดลงถูกจำกัดไว้จากความล่าช้าของการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปิดตลาดลดลง 28 เซ็นต์ หรือ 0.37% แตะที่ 74.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (น้ำมันดิบWTI) ของสหรัฐ ปิดตลาดลดลง 55 เซ็นต์ หรือ 0.77% แตะที่ 70.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาในทั้งสองตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในรอบสัปดาห์นี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐ เริ่มการเจรจายุติสงครามในยูเครนในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน แสดงความปรารถนาที่จะทำข้อตกลงสันติภาพในระหว่างการหารือกันทางโทรศัพท์กับทรัมป์ ทรัมป์ต่อสายถึงกับผู้นำทั้งสองโดยแยกคุยกัน
การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรมอสโกในกรณีที่บรรลุข้อตกลงสันติภาพ น่าจะช่วยเพิ่มอุปทานพลังงานทั่วโลก
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุในรายงานตลาดน้ำมันฉบับล่าสุดว่า การส่งออกน้ำมันของรัสเซียอาจดำเนินต่อไปได้ หากสามารถหาทางแก้ไขปัญหามาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหรัฐได้
ในสัปดาห์นี้ ทรัมป์สั่งให้เจ้าหน้าที่ด้านพาณิชย์และเศรษฐกิจศึกษามาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศที่เรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าของสหรัฐ และให้ส่งคำแนะนำกลับมายังประธานาธิบดีภายในวันที่ 1 เมษายน
เยป จุน รอง นักกลยุทธ์ตลาดของโบรกเกอร์ IG กล่าวว่า
“การพัฒนาในเชิงบวกของการค้าโลก ที่สหรัฐเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรออกไปนั้น จะช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในเช้านี้ ขณะที่ความเสี่ยงต่างๆ เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มว่าจะมีข้อตกทางการค้าระหว่างกัน”
ปัจจัยอิหร่านทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้ลดลงไปมากกว่านี้ โดยสก็อตต์ เบสเซนท์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐอาจใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจสูงสุดต่ออิหร่าน
ทรัมป์ทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลงจนเกือบเป็นศูนย์ในช่วงดำรงตำแหน่งในวาระแรกของเขา หลังจากทรัมป์ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ด้านนักวิเคราะห์ของธนาคาร JPMorgan กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกพุ่งสูงถึง 103.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อน
ธนาคารกล่าวว่า “ในช่วงแรก ความต้องการเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งและทำความร้อนที่ซบเซาเริ่มฟื้นตัวขึ้นในสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าความต่างระหว่างความต้องการจริงกับที่คาดการณ์ไว้จะแคบลงในไม่ช้านี้”