ราคาน้ำมันดิบร่วง วิตกสงครามการค้าจีน-สหรัฐ สต็อกน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบร่วง วิตกสงครามการค้าจีน-สหรัฐ สต็อกน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 2% ในวันพุธ เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ความต้องการลดลง ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐรอบใหม่ทำให้เกิดความกลัวว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่ำลง

รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกวันพุธ (5 ก.พ.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าปิดตลาดลดลง 1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.09% แตะที่ 74.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตสหรัฐ (น้ำมันดิบWTI) ปิดตลาดลดลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.3% แตะที่ 71.03 ดอลลาร์

สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันที่เผชิญกับความต้องการน้ำมันเบนซินที่ลดลงกำลังดำเนินการซ่อมบำรุง

“ตอนนี้โรงกลั่นน้ำมันไม่ต้องการน้ำมันดิบ” จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Again Capital ในนิวยอร์กกล่าว “พวกเขากำลังเร่งดำเนินการซ่อมบำรุง เนื่องจากความต้องการน้ำมันเบนซินที่ลดลง” เขากล่าวเสริม
 

ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังกดคงดันราคาอีกแรง

เมื่อวันอังคาร จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว และถ่านหินจากสหรัฐ เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของสหรัฐฯ ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบวัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม

แอนดรูว์ ลิโปว์ ประธานบริษัทค้าน้ำมัน Lipow Oil Associates กล่าวว่า “การที่จีนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ลดลง ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางส่งออกไปยังตลาดอื่น”

เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน แห่งอิหร่านเรียกร้องให้สมาชิกโอเปกสามัคคีกันเพื่อต่อต้านการคว่ำบาตรที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐหลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะฟื้นคืนมาตรการ “กดดันสูงสุด” ต่ออิหร่านที่เขาได้ดำเนินการในช่วงการดำรงตำแหน่งในวาระแรก(มกราคม 2017- มกราคม 2021) ของเขา 

ทรัมป์ทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลงจนเกือบเป็นศูนย์ในช่วงหนึ่งของวาระแรกของเขา หลังจากเขาใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อล้มโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

อาหมัด อัสซีรี นักยุทธศาสตร์การวิจัยจากบริษัทนายหน้า Pepperstone ระบุว่า 

“หากมาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้กลับมาใช้อีกครั้ง อุปทานที่ลดลงอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการปรับเพิ่มอุปทานของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกพลัสที่ล่าช้ากว่าที่คาดไว้” 

ตามการประมาณการของ EIA การส่งออกน้ำมันของเตหะรานสร้างรายได้ 53,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 และ 54,000 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้านั้น โดยการผลิตในปี 2024 อยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018 โดยอ้างอิงจากข้อมูลของโอเปก

“ปัจจุบันตลาดน้ำมันติดอยู่ระหว่างความกลัวที่มากขึ้นว่าสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก และควาเสี่ยงการหยุดชะงักการส่งออกน้ำมันของอิหร่านอย่างกะทันหัน” บีจาร์เน ชีลดรอป หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของสถาบันการเงินนอร์เวย์ SEB กล่าว