ราคาน้ำมัน ลดลงในสัปดาห์นี้ จากนโยบายพลังงานของทรัมป์และการขู่เก็บภาษี

ราคาน้ำมัน ลดลงในสัปดาห์นี้ จากนโยบายพลังงานของทรัมป์และการขู่เก็บภาษี

ราคาน้ำมันดิบ ทรงตัวในวันศุกร์ แต่ปรับตัวลดลงรายสัปดาห์ ยุติการปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศแผนขยายการผลิตภายในประเทศ ขณะที่เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกดำเนินการลดราคาน้ำมันดิบ

รอยเตอร์สรายงานภาวะ ตลาดน้ำมันโลก วันศุกร์(24 ม.ค.)ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 21 เซ็นต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4 เซ็นต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบรนท์ ลดลง 2.83% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4.13%

ในวันศุกร์ ทรัมป์ ย้ำข้อเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดราคาน้ำมัน เพื่อลดสถานะการเงินของรัสเซียซึ่งร่ำรวยจากการขายน้ำมัน และเพื่อช่วยยุติสงครามในยูเครน

“วิธีหนึ่งที่จะหยุดยั้งได้อย่างรวดเร็วคือให้โอเปกหยุดทำเงินจำนวนมหาศาลและลดราคาน้ำมันลง ... สงครามจะหยุดทันที”

ทรัมป์กล่าวขณะเดินทางถึงที่นอร์ธแคโรไลนาเพื่อดูความเสียหายจากพายุ อเล็กซ์ โฮเดส นักวิเคราะห์ของ StoneX กล่าวในบันทึกเมื่อวันศุกร์ว่า ความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรรัสเซียและอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญ อาจทำลายเป้าหมายของทรัมป์ในการลดต้นทุนพลังงาน

“ทรัมป์รู้เรื่องนี้และหวังพึ่งพาโอเปกเข้าเติมน้ำมันที่จะหายไปจากตลาด” โฮเดสกล่าว

เมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์กล่าวต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก World Economic Forum ว่าเขาจะเรียกร้องให้โอเปกและซาอุดีอาระเบีย ผู้นำของกลุ่ม ลดราคาน้ำมันดิบลง

กลุ่มโอเปกพลัส OPEC+ ซึ่งรวมถึงรัสเซียด้วย ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ โดยผู้แทนจากกลุ่มได้อ้างถึงแผนที่ได้วางไว้แล้วสำหรับการเริ่มเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป

จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร UBS กล่าวว่า "ผมไม่คาดหวังว่า OPEC จะเปลี่ยนนโยบาย เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐาน ตลาดจะค่อนข้างเงียบจนกว่าเราจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการคว่ำบาตรและภาษีศุลกากร"

ภาษีศุลกากร

เชฟรอนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าได้เริ่มการผลิตน้ำมันจากแหล่งน้ำมันขนาดยักษ์เทงกิซ ที่บริษัทได้ขยายการลงทุนมูลค่า 48,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ปริมาณการผลิตอยู่ที่ราว 1% ของอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลก และอาจกดดันให้กลุ่ม OPEC ดำเนินการจำกัดการผลิตต่อไปอีก

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานระดับชาติ โดยยกเลิกข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซในประเทศให้สูงสุด

การยกเลิกกฎระเบียบดังกล่าวอาจช่วยสนับสนุนความต้องการน้ำมัน แต่มีแนวโน้มที่จะทำให้อุปทานน้ำมันล้นตลาดมากขึ้น นิโคส ซาบูรัส ผู้เชี่ยวชาญตลาดอาวุโสจากแพลตฟอร์มการซื้อขาย Tradu กล่าว

นโยบายของทรัมป์จนถึงขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นไปตามการคาดการณ์ด้านอุปทาน ซึ่งรวมถึงการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุปทานในประเทศ แต่โฮเดสจาก StoneX กล่าวว่า “การเติบโตอย่างง่ายๆนั้นผ่านไปแล้ว”

เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้สหภาพยุโรปด้วยภาษีศุลกากรและขึ้นภาษีศุลกากร 25% กับแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่ารัฐบาลของเขากำลังพิจารณาขึ้นภาษีศุลกากรกับจีน 10%

เยป จุน รอง นักกลยุทธ์ตลาดจากธนาคาร IG กล่าว ขณะที่ความสนใจเปลี่ยนไปที่ความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะประกาศใช้ภาษีศุลกากรใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดน่าจะยังคงระมัดระวังต่อไป เนื่องจากอาจส่งผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มความต้องการน้ำมัน ผู้ค้าคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ระหว่าง 76.50 ถึง 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เขากล่าวเสริม

ปริยังกา สัจเทวะ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก Phillip Nova ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ กล่าวว่า แม้ว่าปัจจัยกระตุ้นที่เป็นบวก เช่น การที่ปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐ ลดลงอย่างมากจะส่งผลกระทบในเชิงบวกชั่วคราว แต่ตลาดโลกที่มีอุปทานเกินและการคาดการณ์ถึงอุปสงค์ของจีนที่ย่ำแย่ ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ เปิดเผยว่าปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐ ในสัปดาห์ที่แล้วแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022